“พายุยางิ” รุนแรงในรอบ 30 ปี อ.ธรณ์ชี้โลกเราไม่เหมือนเดิมแล้ว
“พายุยางิ” รุนแรงในรอบ 30 ปี อ.ธรณ์ยกเป็นบทเรียนธรรมชาติ โลกเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
วันนี้ ( 10 ก.ย. 67 )ศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ผ่าน Facebook : Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า “พายุไต้ฝุ่นยางิ” เป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี ที่ขึ้นฝั่งตอนเหนือของเวียดนาม สร้างความเสียหายเหลือคณานับ
ทุกคนทราบว่าไต้ฝุ่นกำลังมา แต่ไม่คาดคิดว่าจะแรงถึงเพียงนี้ นั่นคือสิ่งที่เกิดในยุคโลกร้อน เพราะเราไม่เคยชินกับภัยพิบัติในยามที่โลกโกรธ ความแปรปรวนของโลกจะเพิ่มมากขึ้น จะไม่หยุด จะต่อเนื่องไปอีกหลายสิบปี ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่บรรลุเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจก นี่ไม่ใช่คำขู่ ไม่ใช่คำทำนาย นี่คือเรื่องจริงที่นักวิทยาศาสตร์บอกมานานแล้ว แต่มันน่ากลัว มันไม่สนุก เราไม่อยากฟัง
จนเมื่อโลกคำรามดังลั่น เราถึงได้ยิน เราถึงตัวสั่นด้วยความกลัว แม้โอกาสที่ไต้ฝุ่นเข้าเมืองไทยโดยตรงจะมีน้อยมาก แต่ผลกระทบด้านอื่นยังมี เราเป็นประเทศเสี่ยงต่อน้ำท่วมรุนแรง ทะเลยังปั่นป่วนจนระบบนิเวศเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว
ความเสี่ยงสูงสุดของโลกในยุคนี้และยุคต่อไปคือโลกร้อน เราต้องตั้งหลัก หันมาทุ่มเทสุดๆ ในการเรียนรู้และเข้าใจ ทุ่มเทให้กับการรับมือและปรับตัวชีวิตความเป็นอยู่ ทุ่มเทกับการรักษาธรรมชาติให้ถึงที่สุด
โลกยุคที่ใช้ GDP และเศรษฐกิจแบบเดิมเป็นตัววัดจากไปแล้ว การคิดแบบเดิมๆ ทำแบบเดิมๆ จากไปเช่นกัน ตัวอย่างมีมากมายใน 5 - 6 ปีที่ผ่านมา หวังว่าเราคงเลิกปิดหูปิดตาแล้วหันมายอมรับความจริง ความกลัวเป็นนายที่เลว แต่เป็นทาสที่ดี เมื่อใดที่เรากลัว แต่คุมสติไว้ได้ เตรียมการรับมือกับสิ่งที่เรากลัว เราจะมีหวัง
ขอแสดงความเสียใจกับชาวเวียดนามทุกท่าน เมื่อใดที่มีช่องทางการช่วยเหลือ เชื่อว่าน้ำใจจากคนไทยจะไปถึงเพื่อนๆ ของเราครับ
ทั้งนี้ “พายุไต้ฝุ่นยางิ” สร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วง ทั้งดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 58 ราย และยังคงสูญหายอีก 40 ราย สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ไต้ฝุ่นยางิพัดขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามเมื่อวันเสาร์ สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยเป็นบริเวณกว้าง ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายในภาคเหนือเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่ากลัว หมู่บ้าน และชุมชนริมน้ำหลายแห่งถูกน้ำท่วมขัง
คณะกรรมการประชาชนจังหวัดฟู้เถาะแถลงว่า ภัยพิบัติครั้งนี้ยังทำให้สะพานข้ามแม่น้ำแดงอายุ 30 ปีในจังหวัด พังถล่มลงมาเมื่อวันจันทร์ (9 ก.ย.) ส่งผลให้มีผู้สูญหาย 8 ราย ด้านสื่อรัฐบาลเวียดนามรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สั่งห้ามหรือจำกัดการจราจรบนสะพานอื่น ๆ ที่ข้ามแม่น้ำแดง รวมถึงสะพานเจืองเซืองในกรุงฮานอย
ข้อมูลจาก: Thon Thamrongnawasawat
ภาพจาก: กรมอุตุนิยมวิทยา
ข่าวแนะนำ