TNN พายุ "ยางิ" ถล่มฟิลิปปินส์ ทำฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม

TNN

Earth

พายุ "ยางิ" ถล่มฟิลิปปินส์ ทำฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม

พายุ ยางิ ถล่มฟิลิปปินส์  ทำฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม

พายุ "ยางิ" พัดถล่มฟิลิปปินส์ ทำให้เกิดน้ำท่วมหนัก พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 ราย

พายุโซนร้อน "ยางิ" ทำให้ฝนตกหนักในฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 ราย รวมถึงเด็กหญิงวัย 9 เดือนด้วย โดยเมืองนากา ภาคตะวันออกของประเทศ เป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความเสียหายหนักที่สุด ขณะพายุเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

 

เจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะ กล่าวว่า น้ำท่วมสูงเกินระดับศีรษะในบางพื้นที่ ผู้ประสบภัยหลายร้อยคนได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 


ส่วนเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ผู้ประสบภัยมากกว่า 300 คน ยังคงพักอยู่ในค่ายผู้อพยพ โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ระบุว่า ระดับน้ำในเมืองที่มีประชากร 210,000 คน ลดลงช้า เนื่องจากน้ำขึ้นสูง 


พายุโซนร้อน “ยางิ” เคลื่อนตัวถล่มตอนเหนือของชายฝั่งเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักของฟิลิปปินส์ เมื่อเช้าวานนี้ (2 ก.ย.) ด้วยกำลังลม 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพายุโซนร้อน “ยางิ” ชาวท้องถิ่นในฟิลิปปินส์เรียกว่า “เอนเตง” ขึ้นฝั่งในจังหวัดอิซาเบลา ภาคเหนือของประเทศในช่วงบ่ายของวันที่ 2 ก.ย. โดยมี 4 เมือง และประชาชน 33,000 คน อยู่ในเส้นทางผ่านของพายุโดยตรง

 

ทางการประกาศเตือนภัยพายุในพื้นที่กว้างใหญ่ของเกาะลูซอน ภูมิภาคที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ รวมทั้งเขตมหานครมะนิลา ซึ่งโรงเรียนทุกระดับชั้น และเจ้าหน้าที่รัฐหยุดงานชั่วคราว นอกจากนี้ ยังมีเรือโดยสารข้ามฟาก และเที่ยวบินโดยสารในประเทศหลายสิบเที่ยว ระงับการให้บริการด้วย 


อย่างไรก็ตาม หลังจากพายุเคลื่อนผ่านฟิลิปปินส์แล้ว คาดว่าจะเคลื่อนตัวลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในวันนี้ จากนั้นจะเคลื่อนมาขึ้นฝั่งทางตอนเหนือของประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. และอาจจะอ่อนกำลังลงที่ประเทศลาว ยังไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่ยังต้องติดตามเส้นทางอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้อยู่


ทั้งนี้ มีพายุและไต้ฝุ่นประมาณ 20 ลูก พัดถล่มฟิลิปปินส์ในแต่ละปี โดยในปี 2556 ไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” หนึ่งในพายุที่รุนแรงที่สุดในโลก พัดถล่ม มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายมากกว่า 7,300 ราย ทำลายหลายหมู่บ้านพังราบ พัดเรือขึ้นฝั่ง และมีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 5 ล้านคนในภาคกลางของประเทศ


ที่มา: Reuters

ข่าวแนะนำ