องค์การสหประชาชาติ เดินหน้าเตือนภัยพิบัติทั่วโลกจาก “น้ำทะเลหนุนสูง” พบอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น 3 เท่า ในรอบกว่า 40 ปี .
“อันโตนิโอ กูเตอร์เรส” เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนทุกประเทศทั่วโลกระวัง “น้ำทะเลหนุนสูง” โดยอาจเกิดภัยพิบัติทั่วโลกจากน้ำทะเลหนุนสูงจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับหมู่เกาะหลายแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิก รวมถึง “ตองกา” พร้อมขอให้ทุกประเทศทั่วโลก เตรียมรับมือกับผลกระทบร้ายแรงจากน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข ขอให้ทั่วโลกเพิ่มงบประมาณ และให้การช่วยเหลือแก่ประเทศในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งเป็นผลพวงจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีต้นเหตุจากน้ำมือของมนุษย์
“กูเตอร์เรส” ประกาศเตือนภัยเรื่องนี้ในเวทีประชุมของบรรดาผู้นำประเทศหมู่เกาะในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Islands Forum) ซึ่งจัดขึ้นในกรุงนูกูอาโลฟาของตองกาวานนี้ (27 ส.ค.) ซึ่งประจวบกับมีรายงานจากคณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกของยูเอ็น เผยแพร่รายงานว่า วิกฤตจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศทั่วโลกก่อให้การเปลี่ยนแปลงต่อมหาสมุทรอย่างไร
อย่างไรก็ตาม รายงานจากองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกของยูเอ็น ระบุว่า อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก เพิ่มสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของผิวน้ำทะเลทั่วโลก 3 เท่านับตั้งแต่ปี 2523 และระดับน้ำทะเลในภูมิภาคนั้น เพิ่มสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของผิวน้ำทะเลทั่วโลก 2 เท่าในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน คลื่นอากาศร้อนจากน้ำทะเลเพิ่มขึ้นจากปกติ 2 เท่า ซึ่งรุนแรงกว่าเดิม แต่ละครั้งที่เกิดอากาศร้อนใช้เวลายาวนานกว่าเดิมเช่นกัน
ทั้งนี้ รายงานระบุอีกว่า ทะเลจะดูดซับร้อยละ 90 ของความร้อนทั่วโลก เป็นผลจากการที่มนุษย์เผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้เกิดปัญหาอื่นต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ เช่น ภาวะโลกร้อน ธารน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือละลายทำให้ระดับน้ำทะเลหนุนสูง