เรือยอร์ชล่มกลางทะเลอิตาลี มหาเศรษฐีอังกฤษสูญหายพร้อมลูกสาว นักวิทย์ฯชี้ "โลกร้อน" เป็นปัจจัยทำเรือล่ม

เจ้าหน้าที่กู้ภัยของอิตาลีเดินหน้าค้นหาผู้สูญหาย หลังเกิดเหตุเรือยอชต์หรูที่มีชื่อว่า “เบย์อีเซียน” ล่มใกล้กับเกาะซิซิลีตั้งแต่ช่วงก่อนรุ่งสางของเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน ซึ่งสื่อของอิตาลีรายงานว่าผู้เสียชีวิตเป็นเชฟบนเรือ ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่บนเรือทั้งหมด 22 คน มีผู้รอดชีวิต 15 คน และสูญหายอีก 6 คน มีทั้งชาวอังกฤษ อเมริกัน และแคนาดา

ในจำนวนผู้สูญหายมี ไมค์ ลินช์ วัย 59 ปี เจ้าของบริษัทซอฟท์แวร์ใหญ่ที่สุดในของอังกฤษ หายไปพร้อมกับลูกสาววัย 18 ปีชื่อฮันนาห์ นอกจากนี้ ยังมี โจนาธาน บลูมเมอร์ ประธานบริษัท มอร์แกน สแตนลีย์ อินเตอร์แนชแนล และ คริส มอร์วิลโล นักกฎหมายของ คลิฟฟอร์ด ชานซ์ บริษัทกฎหมายชื่อดัง ซึ่งเป็นตัวแทนของนายลินช์ในการไต่สวนคดีในสหรัฐฯ ส่วน แองเจลา บาคาเรส ภรรยาของลินช์ รอดชีวิตมาได้

ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเปิดเผยว่าเดินทางครั้งนี้จัดขึ้นโดยลินช์ ซึ่งเป็นการจัดทริปพักผ่อนท่องเที่ยวให้กับผู้ร่วมงาน  เวลานี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายที่อาจจะติดอยู่ในซากเรือที่จมอยู่ก้นทะเลที่ความลึก 50 เมตร ล่าสุด นักประดาน้ำสามารถดำลงไปถึงเรือได้แล้ว แต่การเข้าไปภายในเรือยังทำได้อย่างจำกัดเนื่องจากมีอุปสรรคจากสิ่งกีดขวางต่างๆ 

สำหรับ “เรือยอชต์เบย์อีเซียน” จดทะเบียนในอังกฤษ มี “บาคาเรส” ภรรยาของลินช์เป็นเจ้าของเรือ สร้างขึ้นโดยบริษัทต่อเรือเปรินี ของอิตาลีเมื่อปี 2551 และได้รับการปรับปรุงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว 

“เรือเบย์อีเซียน” เป็นเรือยอชต์สุดหรูที่เคยได้รับรางวัลการออกแบบมาหลายแล้วรางวัล สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 12 คน และลูกเรือ 10 คน ออกเดินทางล่าสุดจากท่าเรือมิลาซโซ บนเกาะซิซิลี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ถูกพบเห็นเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์โดยจอดทอดสมออยู่ใกล้กับท่าเรือทางตะวันออกของเมืองปาแลร์โม ก่อนที่จะเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน เกิดปรากฎการณ์นาคเล่นน้ำเหนือเรือยอชต์ที่จอดทอดสมออยู่ช่วงรุ่งสางเช้าวันจันทร์ จนทำให้เสากระโดงเรือและใบเรือหัก ก่อนที่เรือยอชต์จะจมหายใต้เกลียวคลื่นอย่างรวดเร็ว

ด้าน “ลูกา แมร์กัลลี” นักอุตนิยมวิทยาและประธานสมาคมอุตุนิยมวิทยาอิตาลี ให้ความเห็นกรณีเรือยอชต์อับปางครั้งนี้ว่า ช่วงเวลา 04.00 น.วันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดพายุนอกชายฝั่งรุนแรงซัดจนเรือยอชต์อับปาง เกิดเหตุการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาที่รุนแรงมากเป็นเวลาสั้น ๆ เป็นลมพัดกระโชกแรงที่มีความเร็วลมมากกว่า 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นไปได้ว่าเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ 2 อย่างที่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยังมืดอยู่ ดังนั้น จึงไม่สามารถเห็นได้ว่า ช่วงเวลานั้นอาจเกิดพายุงวงช้าง หรือนาคเล่นน้ำ ที่พายุหมุนอยู่บนน้ำทะเล

“แมร์กัลลี” เผยว่า ผลการสำรวจผ่านดาวเทียมของโคเปอร์นิคัส ซึ่งเป็นระบบติดตามโลกของยุโรป พบว่า น้ำทะเลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้แคว้นซิซิลีและแคว้นซาร์ดิเนีย มีอุณหภูมิประมาณ 30 องศาเซลเซียส สูงขึ้น 3 องศาเซลเซียสจากอุณหภูมิเฉลี่ยของช่วงเวลานี้ 

คลื่นความร้อนที่กำลังเกิดขึ้นเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนี้จัดว่ารุนแรงมาก จึงเป็นเหตุให้เกิดลักษณะผิดปกติทางอุตุนิยมวิทยา แม้ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอตั้งแต่ยังไม่มีภาวะโลกร้อน แต่ภาวะโลกร้อนได้ขยายผลกระทบของปรากฏการณ์ธรรมชาติ ด้วยการทำให้เกิดถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศและน้ำทะเลมีพลังงานสะสมเพิ่มมากขึ้น