สนทช. เตือน 24 - 31 ก.ค. “ฝนตกหนัก” 11 จว. ท้ายเขื่อนเตรียมรับระบายน้ำ

วันนี้ ( 24 ก.ค. 67) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ  สทนช.ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำฝน ตามการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ  จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ในช่วงวันที่ 24 - 31 กรกฎาคม 2567 

นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะมีฝนตกมากในภาคเหนือและภาคตะวันออก และจะมีตกซ้ำไปอีก 3 - 4 วัน ซึ่งได้มีการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ลุ่ม โดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรีและ จังหวัดตราด เนื่องจากเกิดน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขาระกำหลากเข้าท่วมพื้นที่ในจังหวัดตราด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาที่ผ่านมา จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่อง

ในช่วงตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมเป็นต้นไป ปริมาณฝนจะเพิ่มมากขึ้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน โดยจับตามองพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่จะมีปริมาณน้ำฝนตกเพิ่ม จะลงมาเติมบริเวณลุ่มแม่น้ำน่านและป่าสัก ทางสทนช. ได้ประเมินล่วงหน้าถึงปริมาณน้ำที่จะผ่านจังหวัดนครสวรรค์อัตราเพิ่มขึ้น 1,200 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที  และปริมาณส่วนนี้จะลงมายังเขื่อนเจ้าพระยาส่งผลให้อัตราเพิ่มขึ้นเป็น 1,300 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที 

ทั้งนี้ได้มีการผันน้ำเข้าคลองฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก และปริมาณน้ำที่เหลือจะทำการทดน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเพื่อหน่วงน้ำ ลดระยะเวลาการระบายน้ำลงไปยังพื้นที่ทายเขื่อน เพื่อให้ประชาชนมีเวลาได้เตรียมพร้อม นอกจากนี้ ยังได้มีการประกาศแจ้งไปยัง 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ให้เตรียมการรับมือ ในการระบายน้ำออกจากเขื่อนเจ้าพระยาจะเพิ่มการระบายน้ำไปเป็น 700 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที ซึ่งจะมีผลกับพื้นที่ของคลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยาและคลองโผงเผง จ.อ่างทอง 

ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า วันที่ 24 - 31 กรกฎาคมนี้ (2567) จะมีการเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมถึงเฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณแม่น้ำสายหลัก 

ข้อมูลจาก: สนทช.

ภาพจาก: AFP