สนทช. เตือน 44 จังหวัด “เสี่ยงน้ำท่วม - ดินถล่ม” 15 - 20 กรกฎาคม
สนทช. เตือน 44 จังหวัด เสี่ยง “น้ำท่วม - ดินถล่ม” 15 - 20 กรกฎาคม จากอิทธิพลมรสุมกำลังแรงไทยเจอฝนตกหนัก
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 14 – 17 กรกฎาคม 2567 ร่องมรสุมกำลังแรงจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น
ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำตามฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก และพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และบริเวณชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายไม่ทัน ช่วงวันที่ 15 – 20 กรกฎาคม 2567 ดังนี้
1. ภาคเหนือ 9 จังหวัดได้แก่
จังหวัดแม่ฮ่องสอน: (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ปาย ขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง และสบเมย)
จังหวัดตาก: (อำเภอเมืองตาก ท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ และอุ้มผาง) จังหวัดสุโขทัย (อำเภอศรีสัชนาลัย ทุ่งเสลี่ยม และศรีสำโรง)
จังหวัดพะเยา: (อำเภอเมืองพะเยา เชียงคำ ปง และเชียงม่วน)
จังหวัดน่าน: (อำเภอเมืองน่าน ทุ่งช้าง ปัว ท่าวังผา แม่จริม และเวียงสา)
จังหวัดแพร่: (อำเภอเมืองแพร่ สอง ร้องกวาง สูงเม่น และเด่นชัย)
จังหวัดอุตรดิตถ์: (อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ฟากท่า และท่าปลา)
จังหวัดพิษณุโลก: (อำเภอชาติตระการ นครไทย วังทอง และเนินมะปราง)
จังหวัดเพชรบูรณ์: (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หล่มเก่า เขาค้อ และหล่มสัก)
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด
จังหวัดเลย: (อำเภอนาแห้ว เชียงคาน ด่านซ้าย และปากชม)
จังหวัดหนองคาย: (อำเภอเมืองหนองคาย ศรีเชียงใหม่ และโพนพิสัย)
จังหวัดบึงกาฬ: (อำเภอบุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา และบึงโขงหลง)
จังหวัดหนองบัวลำภู: (อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ศรีบุญเรือง และโนนสัง)
จังหวัดอุดรธานี: (อำเภอนายูง และน้ำโสม)
จังหวัดสกลนคร: (อำเภอเมืองสกลนคร และอากาศอำนวย)
จังหวัดนครพนม: (อำเภอเมืองนครพนม ศรีสงคราม และธาตุพนม)
จังหวัดชัยภูมิ: (เมืองชัยภูมิ บ้านเขว้า จัตุรัส และคอนสวรรค์)
จังหวัดขอนแก่น: (อำเภอเมืองขอนแก่น)
จังหวัดนครราชสีมา: (อำเภอเมืองนครราชสีมา เมืองยาง ลำทะเมนชัย และพิมาย)
จังหวัดกาฬสินธุ์: (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และกมลาไสย)
จังหวัดมุกดาหาร: (อำเภอเมืองมุกดาหาร และนิคมคำสร้อย)
จังหวัดมหาสารคาม: (อำเภอเมืองมหาสารคาม และโกสุมพิสัย)
จังหวัดร้อยเอ็ด: (อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เสลภูมิ ทุ่งเขาหลวง และเกษตรวิสัย)
จังหวัดยโสธร: (อำเภอเมืองยโสธร ป่าติ้ว และคำเขื่อนแก้ว)
จังหวัดอำนาจเจริญ: (อำเภอเมืองอำนาจเจริญ และหัวตะพาน)
จังหวัดสุรินทร์: (อำเภอเมืองสุรินทร์ ชุมพลบุรี ท่าตูม รัตนบุรี จอมพระ สนม โนนนารายณ์ และศีขรภูมิ)
จังหวัดศรีสะเกษ: (อำเภอราษีไศล และยางชุมน้อย)
จังหวัดอุบลราชธานี: (อำเภอน้ำยืน และศรีเมืองใหม่)
3. ภาคตะวันออก 7 จังหวัด
จังหวัดนครนายก: (อำเภอเมืองนครนายก และบ้านนา)
จังหวัดปราจีนบุรี: (อำเภอเมืองปราจีนบุรี ประจันตคาม และนาดี)
จังหวัดสระแก้ว: (อำเภอเมืองสระแก้ววัฒนานคร โคกสูง และอรัญประเทศ)
จังหวัดชลบุรี: (อำเภอเมืองชลบุรี และศรีราชา)
จังหวัดระยอง: (อำเภอเมืองระยอง ปลวกแดง นิคมพัฒนา และแกลง)
จังหวัดจันทบุรี: (อำเภอเมืองจันทบุรี เขาคิชฌกูฏ มะขาม ขลุง และแหลมสิงห์)
จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด บ่อไร่ เขาสมิง แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะช้าง และเกาะกูด)
4. ภาคใต้ 9 จังหวัด
จังหวัดระนอง: (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ และสุขสำราญ)
จังหวัดพังงา: (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง และท้ายเหมือง)
จังหวัดภูเก็ต: (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)
จังหวัดกระบี่: (อำเภอเขาพนม)
จังหวัดสุราษฎร์ธานี: (อำเภอเมืองพุนพิน เคียนซา บ้านนาเดิม บ้านนาสาร และเวียงสระ)
จังหวัดตรัง: (อำเภอเมืองตรัง ปะเหลียน นาโยง กันตัง ห้วยยอด หาดสำราญ รัษฎา และวังวิเศษ)
จังหวัดสตูล: (อำเภอเมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า และมะนัง)
จังหวัดยะลา: (อำเภอยะหา และรามัน)
จังหวัดนราธิวาส: (อำเภอเจาะไอร้อง สุไหงปาดี สุไหงโก-ลก และแว้ง)
นอกจากนี้ สนทช. ได้เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 บริเวณ จังหวัดน่าน พะเยา พิษณุโลก สุโขทัย เลย สกลนคร อุดรธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา ตราด และอ่างเก็บน้ำที่มีสถิติปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำมากกว่าความจุเก็บกัก ที่มีความเสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ และส่งผลกระทบให้น้ำท่วมบริเวณด้านท้ายน้ำ ให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบบริเวณท้ายเขื่อนน้อยที่สุด
ข้อมูลจาก: สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ภาพจาก: AFP
ข่าวแนะนำ