สรุปข่าว
กอนช.ประเมินสถานการณ์น้ำพร้อมออกประกาศฉบับที่ 36/2565 เตือน 19 จังหวัด 55 อำเภอ เฝ้าระวังน้ำหลากและน้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 4-10 ก.ย.65
วันนี้ (2 ก.ย.65) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ออกประกาศฉบับที่ 36/2565 เรื่อง เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและน้ำท่วมขัง โดยมีรายละเอียดระบุว่า ตามที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้มีประกาศ ฉบับที่ 34/2565 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2565 เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมาก ในช่วงวันที่ 31 สิงหาคม - 10 กันยายน 2565
ทั้งนี้ กอนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ ในช่วงวันที่ 4 - 10 กันยายน 2565 เพิ่มเติม ดังนี้
1. ภาคเหนือ 3 จังหวัด 8 อำเภอ
- จังหวัดน่าน (อำเภอบ่อเกลือ แม่จริม และสันติสุข)
- จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง พบพระ อุ้มผาง และแม่สอด)
- จังหวัดอุทัยธานี (อำเภอบ้านไร่)
2. ภาคตะวันออก 5 จังหวัด 10 อำเภอ
- จังหวัดนครนายก (อำเภอเมืองนครนายก และปากพลี)
- จังหวัดปราจีนบุรี (อำเภอนาดี ประจันตคาม และกบินทร์บุรี)
- จังหวัดระยอง (อำเภอแกลง)
- จังหวัดจันทบุรี (อำเภอท่าใหม่ และมะขาม)
- จังหวัดตราด (อำเภอเขาสมิง และบ่อไร่)
3. ภาคกลาง 5 จังหวัด 22 อำเภอ
- จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอท่าม่วง ท่ามะกา พนมทวน และห้วยกระเจา)
- จังหวัดลพบุรี (อำเภอหนองม่วง พัฒนานิคม ท่าหลวง บ้านหมี่ โคกสำโรง และสระโบสถ์)
- จังหวัดสระบุรี (อำเภอแก่งคอย วังม่วง และมวกเหล็ก)
- จังหวัดสุพรรณบุรี (อำเภอดอนเจดีย์ ด่านช้าง เมืองสุพรรณบุรี ศรีประจันต์ สองพี่น้อง สามชุก อู่ทอง และบางปลาม้า)
- จังหวัดนครปฐม (อำเภอกำแพงแสน)
4. ภาคใต้ 6 จังหวัด 15 อำเภอ
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอบ้านตาขุน และวิภาวดี)
- จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอลานสกา พิปูน และช้างกลาง)
- จังหวัดระนอง (อำเภอละอุ่น และเมืองระนอง)
- จังหวัดพังงา (อำเภอกะปง ท้ายเหมือง ตะกั่วป่า เมืองพังงา และคุระบุรี)
- จังหวัดกระบี่ (อำเภออ่าวลึก)
- จังหวัดภูเก็ต (อำเภอถลาง และเมืองภูเก็ต)
ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้
1. ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ
2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม โดยปรับแผนระบายน้ำจากเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและบริหารพื้นที่ลุ่มต่ำให้เป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ เพื่อลดผลกระทบจากมวลน้ำที่จะไหลหลากมายังบริเวณพื้นที่เสี่ยง
3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที
4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์.
ข้อมูลจาก กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
ภาพจาก แฟ้มภาพ TNN Online
ที่มาข้อมูล : -