กู้ร่างผู้เสียชีวิตอาคารถล่ม กฤษดานคร 31 ครบแล้ว นำธงชาติคลุมร่าง
เจ้าหน้าที่เก็บกู้ร่างของผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ภายในอาคารถล่ม หลังเกิดเหตุไฟไหม้ ในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา ออกมาจากบ้านที่ถูกไฟไหม้ครบแล้ว 5 ราย ผอ.เขตทวีวัฒนา ติดป้ายห้ามเข้าบ้าน ขณะที่ตำรวจเปิดเผย ยังไม่สามารถแจ้งข้อหากับใครในขณะนี้
วันนี้ (4 เม.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศล่าสุดบริเวณที่เกิดเหตุอาคาร 3 ชั้นถล่ม ภายในหมู่บ้านกฤษดานคร 31 ย่านพุทธมณฑล สาย 3 กรุงเทพมหานคร ซึ่งยอดของอาสากู้ภัยที่เสียชีวิตในขณะนี้มีด้วยกันทั้งหมด 4 ราย รวมถึงผู้อยู่อาศัยที่เสียชีวิตอีก 1 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 รายด้วยกัน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ยุติปฏิบัติงานค้นหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่สามารถนำร่างของผู้เสียชีวิตทั้งหมดออกมาจากซากอาคารได้ครบทุกคน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดจากเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 138/12 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 เขตทวีวัฒนา และการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ เนื่องจากอาคารถล่ม ว่า เมื่อเวลา 06.45 น. ได้พบร่างผู้เสียชีวิตรายที่ 3 และ 4 คือ นายสมัญญา นิลธง อายุ 48 ปี (เจ้าหน้าที่) และนายอรรถพล ท้วมทอง อายุ 26 ปี (เจ้าหน้าที่) โดยเร่งดำเนินการนำออกมาจากซากอาคารได้แล้ว และเวลา 08.25 น. ได้พบร่างผู้เสียชีวิตรายที่ 5 คือ นายเกียรติ แพตเตอร์สัน อายุ 35 ปี (ผู้ประสบภัย) ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากอาคารถล่มดังกล่าวแล้ว พร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราชต่อไป
ทั้งนี้ ร่างผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่พลีชีพในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีการนำธงชาติมาคลุมร่าง ในระหว่างนำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช
ด้าน ภรรยาของนายสมัญญา นิลธง หนึ่งในอาสาสมัครกู้ภัยที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ครอบครัวตนเองเป็นครอบครัวอาสา ชอบช่วยเหลือคนมาโดยตลอด แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้น โดยตลอดทั้งคืนตนเองภาวนาให้เจอร่างสามีโดยเร็ว ซึ่งสุดท้ายก็สามารถนำร่างออกมาได้ จึงขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันน้ำร่างสามีของเธอออกมาในวันนี้
ขณะที่ นายพรเลิศ เพ็ญพาส ผู้อำนวยการเขตทวีวัฒนา เปิดเผยว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ของสำนักเขตทวีวัฒนา มาทำความสะอาดโดยรอบพร้อมที่ พร้อมกับติดป้ายคำสั่งห้ามเข้าอาคาร เนื่องจากไม่ปลอดภัยจากเหตุอัคคีภัย ขณะนี้ตัวแทนเจ้าของอาคารได้มีการติดต่อเพื่อจะขอทำเรื่องเข้ารื้อถอนอาคารกับเขตแล้ว แต่เขตก็ยังคงต้องรอในส่วนของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ให้เข้าตรวจสอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้เสียก่อน จึงจะมีการอนุญาตให้รื้อถอนอาคารได้
ส่วนตัวอาคารได้มีการขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีใบอนุญาตก่อสร้าง 3 ชั้น ส่วนการต่อเติมผิดกฎหมายหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบแบบอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวมีการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2554 ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องหาแบบมาตรวจสอบ ว่าเป็นไปตามแบบที่มีการขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งคาดว่าไม่น่าเกิน 1 สัปดาห์ในการตรวจสอบหาแบบของบ้านหลังดังกล่าว
ส่วนการจัดการพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะบ้านข้างเคียงที่ได้มีการเข้าไปใช้พื้นที่ ตัวแทนเจ้าของบ้านนั้นยืนยันว่า พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านข้างเคียงที่ได้รับความเสียหาย ให้กลับมาเป็นสภาพเดิม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ธรรมศาลา เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถแจ้งข้อหากับใครได้ เนื่องจากต้องรอสอบปากคำพยานอีกหลายปาก และยังต้องรอผลการตรวจสอบเรื่องโครงสร้างอาคาร แล้วนำมาประกอบสำนวน หลังจากนั้นจะพิจาณาว่าสามารถแจ้งข้อหากับใครได้บ้าง
