WHO เตือนโควิดจะคร่าชีวิตชาวยุโรปทะลุ 2 ล้านรายในมี.ค.ปีหน้า
WHO เตือนยุโรปตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในภูมิภาคนี้อาจเพิ่มขึ้นได้อีกถึง 700,000 คนในช่วงเวลา 4 เดือนจากนี้ ส่งผลให้ยอดเหยื่อสะสมจะพุ่งเหนือ 2.2 ล้านคน
วันนี้( 24 พ.ย.64) สำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป ออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ที่ระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจาก 53 ประเทศภูมิภาคยุโรปมีจำนวนถึงเกือบ 4,200 คนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าที่รายงานในช่วงปลายเดือนกันยายนถึง 2 เท่า
ปัจจุบัน ตัวเลขสะสมของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสในภูมิภาคนี้อยู่ที่กว่า 1.5 ล้านคนไปแล้ว และข้อมูลจากสถาบัน Institute for Health Metrics and Evaluation ที่รวบรวมสถิติต่าง ๆ ให้สำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป ระบุว่า โควิด-19 ได้กลายมาเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในยุโรปและเอเชียกลางแล้วด้วย
ทางสำนักงาน WHO ยังคาดการณ์ด้วยว่าโรงพยาบาลทั้งหลายในพื้นที่ 25 ประเทศจะตกอยู่ในสภาวะขาดแคลนเตียงผู้ป่วยอย่างมาก รวมทั้งน่าจะมีปัญหาหนักในการจัดการห้องผู้ป่วยฉุกเฉินใน 49 ประเทศ ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 1 มีนาคมของปีหน้า ซึ่งตามสถิติข้อมูลต่างๆที่รวบรวมได้ชี้ให้เห็นว่า จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมจะพุ่งสูงถึงกว่า 2.2 ล้านคนภายในเดือนมีนาคมของปีหน้าเช่นกัน
ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการสำนักงาน WHO ประจำภาคพื้นยุโรป เรียกร้องให้มีการดำเนินแผนงาน “vaccine plus” เพื่อช่วยให้ประชาชนในภูมิภาคนี้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อไปได้ โดยอธิบายว่า เป็นการที่ประชาชนทั่วไป “เข้ารับการฉีดวัคซีนโดสมาตรฐานให้เรียบร้อย รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เมื่อมีโอกาส และให้ความร่วมมือในการดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากาก การล้างมือ การจัดการให้มีการระบายอากาศในพื้นที่ภายในอาคาร การรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล และจามใส่ข้อพับแขนเมื่อต้องจาม เป็นต้น”
ส่วนสถานการณ์การระบาดรายวันนั้น ล่าสุดฝรั่งเศสรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กลับมาสูงกว่า 30,000 รายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โอลิเวียร์ เวราน รัฐมนตรีสาธารณสุขของฝรั่งเศส ชี้แจงต่อสมาชิกรัฐสภาในวันอังคารว่า เป็นอัตราการติดเชื้อที่เพิ่มสูงมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิดระลอกที่ 5 โดยนายกรัฐมนตรีฌอง กัสเต็กซ์ ของฝรั่งเศส เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดเชื้อโควิดด้วย และกำลังอยู่ระหว่างการกักตัว
ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันอังคาร เลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน เนื่องจากการกลับมาระบาดรุนแรงของโควิด เพิ่มความหวาดกลัวว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการคุมเข้มที่เข้มข้นมากขึ้นอีก ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน 30,000 รายในฝรั่งเศส นับเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 30,920 ราย ซึ่งเป็นการติดเชื้อรายวันในระดับสูงสุดระหว่างการระบาดช่วงแรกๆ
ด้านเนเธอร์แลนด์ เริ่มขนย้ายผู้ป่วยโควิดข้ามพรมแดนเข้าไปรักษาตัวในเยอรมนีแล้วในวันอังคาร เพื่อบรรเทาความกดดันต่อโรงพยาบาลในประเทศ ซึ่งแพทย์ต้องหันมาทุ่มสรรพกำลังดูแลผู้ป่วยโควิดมากกว่าผู้ป่วยปกติ โดยผู้ป่วยรายหนึ่ง ถูกลำเลียงขึ้นรถพยาบาลฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลเมืองโบคุม ทางตะวันออกของเยอรมนีประมาณ 240 กิโลเมตรในช่วงเช้าวันอังคาร และยังมีผู้ป่วยอีกที่ต้องถูกลำเลียงไปรักษาในเยอรมนี
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาลเนเธอร์แลนด์ พุ่งสู่ระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นไม่หยุด ซึ่งในวันอังคาร เนเธอร์แลนด์ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 23,000 รายในรอบ 24 ชั่วโมง ส่วนตัวเลขรายสัปดาห์ อยู่ที่ 153,957 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน
นายกรัฐมนตรีมาร์ค รูทท์ ผู้นำเนเธอร์แลนด์ เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการคุมเข้มครั้งใหม่ ซึ่งรวมทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคม และจำกัดพื้นที่บางส่วน พร้อมทั้งปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็น เช่นคาเฟ่ และบาร์ในช่วงเย็น
การประกาศใช้ชุดมาตรการคุมเข้มโควิดล่าสุด กระตุ้นให้เกิดเหตุจลาจลทั่วประเทศ 3 คืนติดต่อกัน ซึ่งเกิดความรุนแรงเลวร้ายที่สุดในเมืองรอตเตอร์ดัมในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ถูกจับกุมตัวกว่า 170 คน ผู้ใหญ่ชาวดัทช์ฉีดวัคซีนครบแล้วประมาณร้อยละ 85
ส่วนเยอรมนีพยายามอย่างหนักในการรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนโควิดเพิ่มขึ้นในหลายเมืองทั่วประเทศ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง โดยอัตราผู้ติดเชื้อใน 7 วันเพิ่มเป็น 399.8 ต่อประชากร 100,000 คนในวันอังคาร ข้อมูลจากสถาบันโรแบต์ ค็อค หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเยอรมนี ซึ่งเป็นวันที่ 16 ติดต่อกันที่ผู้ติดเชื้อสูงทำสถิติ
ภาพจาก AFP