เลขาฯแพทยสภา ตามหากลุ่มเสี่ยง 5.3 ล้านคนยังไม่ฉีดวัคซีน ห่วงติดโควิดอาการรุนแรง

วันนี้ (6 พ.ย.64) พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยกับทีมข่าว TNN ONLINE ด้วยว่า สืบเนื่องจากทุกคนรู้กันดีว่าวัคซีนจะเป็นตัวที่จะช่วยให้ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการไม่รุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิต ขณะที่ รายงานของศบค.รายวันพบว่า ผู้เสียชีวิตมากกว่า 90% เป็นกลุ่ม 60+8 ซึ่งหมายถึงกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์

ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลจากตารางรายงานพบว่า มีผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี กว่า 3 ล้านคน ผู้ที่มีโรคประจำตัวกว่า 1.9 ล้าน และหญิงตั้งครรภ์อีกกว่า 4 แสนคน ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

ในกรณีนี้ถือว่าทุกคนมีความเสี่ยง การที่เปิดเมือง เปิดโรงเรียน และมีการฉลองปีใหม่ กลุ่มเหล่านี้ จะต้องพบกับผู้คนจำนวนมาก และมีโอกาสที่จะติดเชื้อโควิด-19 แล้วมีอาการหนักได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเข้าสู่การรักษาพยาบาล หรือนอนโรงพยาบาลมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องรีบหาตัวบุคคลกลุ่มนี้ 5.3 ล้านคน เข้าสู่ระบบการฉีดวัคซีนให้ได้ โดยทำให้ทุกคนมั่นใจในความปลอดภัยของวัคซีนด้วย เนื่องจากคนที่ไม่ยอมฉีดเพราะว่าไม่มั่นใจในความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์หรือปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้

ก่อนหน้านี้ เลขาธิการแพทยสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Ittaporn Kanacharoen" เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย โดยระบุว่า 

"ผู้ใหญ่และผู้ป่วยในบ้านของท่านฉีดวัคซีนกันหรือยังครับ?" ช่วยกันตามหา 5.3 ล้านคน! ยังไม่ได้รับวัคซีน เสี่ยงป่วยหนักถึง เสียชีวิต

- ผู้สูงวัย อายุเกิน 60 ปี อย่ารอเลยครับ 10 ล้านฉีดแค่ 7 ล้าน (ขาด 3 ล้าน)

- ผู้มีโรคประจำตัว ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน อย่ารอเลยครับ 6.3 ล้าน ฉีดแค่ 4.4 ล้าน(ขาด 1.9 ล้าน)

- คนท้อง 5 แสน ฉีดแค่ 8 หมื่น!! (ขาด 4 แสน)

*ตัวเลขถึงวันที่ 3 พฤศจิกายนนะครับ*

ภาพจากกระทรวงสาธารณสุข

รีบกดโทรศัพท์จองเข้าไปฉีดเข็ม 1 ได้แล้ววันนี้ ถ้ากรุงเทพฯ ก็ที่สถานีบางซื่อครับ ได้แอสตร้าเซนเนก้าแล้วตามด้วยไฟเซอร์ด้วยนะครับ

สาเหตุแรก เพราะเด็กๆ เปิดเทอมมาเรียนด้วยกัน ห้ามให้เล่นกันไม่ได้ แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้วแต่ก็ยังติดได้ และน่าจะระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาการไม่หนัก แต่จะนำเชื้อไปสู่ผู้สูงวัยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และผู้มีโรคประจำตัวได้ครับ ข่าววันนี้ก็ระบาดไปหลายโรงเรียนแล้ว

สาเหตุที่ 2 เพราะมาตรการเศรษฐกิจเริ่มเปิดที่ท่องเที่ยว รวมกับให้ทานแอลกอฮอล์ได้ ย่อมทำให้มีผู้ป่วยมากขึ้น สถานประกอบการจำเป็น ต้องมีแรงงานเข้ามามากขึ้นจากต่างด้าว เพื่อมาดูแลร้านอาหารและบริการทั้งหลาย แม้จะได้รับการฉีดแล้วเข็มแรกอาจจะยังไม่พอที่จะมีภูมิคุ้มกันตัวเขา และอาจจะไม่ทันคุ้มครอง ผู้มาใช้บริการได้ แม้จะป้องกันอย่างดีที่สุดแล้ว เราต้องป้องกันตัวเองด้วยครับ Universal prevention

ภาพจากกระทรวงสาธารณสุข

ที่น่าสังเกต คือ การฉลองก่อนปีใหม่ตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้น และหากครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน รวมญาติ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย อาจจะรับเชื้อได้จาก 2 ทาง จากเด็กๆที่ไปโรงเรียนแล้วกลับมากอด ปู่ย่าตายาย และจากผู้ใช้แรงงานในร้านต่างๆ สถานบริการต่างๆ

ทางที่ดี โปรดชวนไปฉีดวัคซีนเข็มแรกกันเถอะนะครับ ป้องกันทั้งเราและทั้งเขา ดูข่าวโปรดสังเกตผู้ที่เสียชีวิตทุกวันนี้มากกว่า 90% เป็นผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ต้องขอฝากลูกหลานให้ช่วยพาไปฉีดวัคซีนเถอะครับ

วัคซีนแม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่ลดผู้ป่วย อาการหนัก และลดการเสียชีวิต ได้นะครับ ผู้สูงวัยบ้านท่านได้อยู่กับเราไปอีกนาน เพราะถ้าพลาดพลั้งติดเชื้อและลงปอดแล้ว รุนแรง อาจโชคร้ายมีเวลาเหลืออีกเพียง 7 วัน เหมือนหลายท่านที่จากไป

ขอของขวัญปีใหม่ให้กับญาติผู้ใหญ่ และผู้ป่วย 8 โรค คือพาท่านไปฉีดวัคซีนโควิด 19 กันนะครับ.. เราจะผ่าน วิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน และอยู่ครบทุกคน ในบ้าน"

ข้อมูลจาก Ittaporn Kanacharoen

ภาพจาก TNN ONLINE , กระทรวงสาธารณสุข , Ittaporn Kanacharoen