ปลดล็อกแล้ว! ผู้ประกันตนสัญชาติไทย รับเงินเยียวยาแพ้วัคซีนโควิดจาก สปสช.

วันนี้ (31 ต.ค.64) ผู้ประกันตนมีสัญชาติไทย หากได้รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถยื่นเรื่องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้แล้ว หลังสำนักงานประกันสังคมแก้ไขประกาศฉบับวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ให้กลับมาได้รับสิทธิจาก สปสช.ได้

ยื่นคำร้องได้ที่

• โรงพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19

• สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

• สปสช.สาขาเขตพื้นที่ทั้ง 13 เขต ทั่วประเทศ

หลักเกณฑ์การพิจารณาการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นฯ แบ่งเป็น 3 ระดับ

ระดับ 1 มีอาการป่วยต้องรักษาต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท

ระดับ 2 เกิดความเสียหายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการจนมีผลต่อการดำรงชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท

ระดับ 3 กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท

ระยะเวลายื่นคำร้องภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ทราบความเสียหาย

หากไม่เห็นด้วยกับผลการวินิจฉัย ยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ดาวน์โหลดแบบคำร้องขอรับช่วยเหลือได้ที่ https://www.nhso.go.th/.../841/001/nhso_VaccinCovid19.pdf

สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นที่เป็นความเสียหายจากการรับวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมคนไทยทุกสิทธิไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่ฉีดนั้น ต้องเป็นวัคซีนตามแผนงานโครงการที่รัฐจัดให้ฟรี และขอย้ำว่าการช่วยเหลือเบื้องต้นนี้ ไม่รวมถึงวัคซีนทางเลือกที่ให้โดยโรงพยาบาลเอกชนและมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ที่มีสิทธิยื่นคำร้องได้แก่ผู้รับวัคซีน ทายาท ผู้อุปการะ หรือโรงพยาบาลที่ให้บริการ โดยสามารถยื่นได้ที่โรงพยาบาลนั้นๆ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หรือที่ สำนักงาน สปสช.สาขาเขตพื้นที่ โดยมีระยะเวลายื่นคำร้องได้ภายใน 2 ปีนับแต่วันที่ทราบความเสียหาย

ขณะที่ คณะอนุกรรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นฯ ในระดับเขตพื้นที่ จะพิจารณาการจ่ายเงินโดยคำนึงถึงความรุนแรงของความเสียหาย โดยจ่ายเงินช่วยเหลือได้ไม่เกินอัตราที่กำหนด คือ กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวร หรือเจ็บป่วยเรื้อรังที่ต้องรักษาตลอดชีวิต จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท สูญเสียอวัยวะหรือพิการที่มีผลกระทบกับการดำเนินชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท และบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่องจ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330

ข้อมูลจาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

ภาพจาก TNN ONLINE