ไทยเฝ้าระวังโควิดกลายพันธุ์ AY.4.2 แพร่ระบาดในอังกฤษ ทั่วโลกจับตาเชื้อดื้อวัคซีน
ไทยเฝ้าระวังหลังพบโควิดกลายพันธุ์ AY.4.2 แพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร ในช่วง 28 วันที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกอยู่ระหว่างเฝ้าจับตาความรุนแรง และการดื้อวัคซีนว่าจะรับมือยากกว่าสายพันธุ์เดลต้า และอัลฟ่าหรือไม่
วันนี้ (25 ต.ค.64) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุ โควิดกลายพันธุ์ AY.4.2 ที่พบในสหราชอาณาจักรในช่วง 28 วันที่ผ่านมา ที่มียอดผู้ป่วยกลับมาเพิ่มสูงขึ้น พบว่า มีผู้ป่วยสายพันธุ์นี้ร้อยละ 6 ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด
ทำให้หลายประเทศอยู่ระหว่างจับตามองความรุนแรงและภาวะการดื้อวัคซีน จะมากกว่าเดลต้าและอัลฟ่าหรือไม่ ซึ่งไทยแม้จะยังไม่มีสายพันธุ์นี้เข้ามา แต่ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่เฝ้าระวังสายพันธุ์นี้เช่นกัน
และแม้ว่าองค์การอนามัยโลกยังไม่ยกระดับความน่ากังวล เพราะว่าเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อัลฟ่าและเดลต้าที่ผ่านมา ถ้าเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดรวดเร็ว จะเห็นคลื่นการระบาดชัดเจน แต่ตอนนี้ยังถือว่าให้ความสำคัญกับประเทศอังกฤษที่จะติดตามข้อมูล สอบสวนรายละเอียดเพิ่มเติม
สำหรับประเทศไทยมีระบบการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดสายพันธุ์ย่อยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเมื่อตรวจสอบดูพบรายงานของเดลต้าพลัสเพียง 1 ราย และไม่มีรายอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน
ส่วนสถานการณ์แพร่ระบาดโควิดของไทยวันนี้ นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สถานการณ์ได้ผ่านจุดวิกฤติมาแล้ว ภาพรวมผู้ติดเชื้อ 7 วันที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 9,335 ราย ถือว่ามีแนวโน้มลดลง แต่ยังเหลือพื้นที่ต้องจับตามอง 6 จังหวัดมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้น คือ นครศรีธรรมราช ตาก ระยอง จันทบุรี เชียงใหม่ที่พบติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจากตลาด และขอนแก่น
สำหรับสถานการณ์ฉีดวัคซีนโควิดของไทยนับว่าทะลุเป้าหมายแล้ว เพราะภาพรวมฉีดไปแล้วกว่า 70 ล้านราย แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 39.9 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 55.5 เข็มที่ 2 จำนวน 28.3 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 39.4 และเข็มที่ 3 จำนวน 2.1 ล้านราย คิดเป็น ร้อยละ 3 โดยเมืองที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวมีการฉีดมากที่สุด อันดับหนึ่งคือกรุงเทพมหานครครบตามเป้าหมาย รองลงมาคือภูเก็ต ร้อยละ 82
ภาพจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข