เตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียน พบมีผู้สมัครใจฉีดแล้ว 71.67 %
โฆษกรัฐบาลเผยรัฐเร่งจ่ายเงินเยียวยานักเรียนคืบหน้าเกือบ11ล้านคน ขณะที่ศธ.-สธ.เตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียน พบมีผู้สมัครใจฉีดแล้ว 71.67%
วันนี้ (29ก.ย.64) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานความคืบหน้า การเยียวยานักเรียน ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนเยียวยาและลดผลกระทบทางการศึกษา ให้กับสถานศึกษา ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ปกครอง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา มีวงเงิน 23,000 ล้านบาท
ด้วยการเยียวยานักเรียนทุกคน ทุกสังกัด คนละ 2,000 บาท ผู้ปกครองรับเงินเต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใด ๆ เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้แก่นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด กระทรวงศึกษาธิการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถานศึกษานอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
โดยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รายงานการดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาครอบคลุมเด็กนักเรียนทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการไปแล้วทั้งสิ้น 10,952,000 ล้านคน จากเป้าหมาย 11 ล้านคน คิดเป็น 87.80% โดยโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการได้รับทั้งหมด 97.75% ที่เหลือได้ทยอยดำเนินการส่งมอบต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการช่วยลดภาระค่าใช้ผู้ปกครองในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 นี้
นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของการฉีดวัคซีนก็คืบหน้าไปอย่างมากเช่นกัน โดย ศธ.ได้วางแผนการดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียน นักศึกษาในสังกัดทั้งของรัฐและเอกชน ที่มีอายุ 12-18 ปี โดยล่าสุด (27 กันยายน) พบว่ามีผู้สมัครใจฉีดวัคซีนจำนวน 3.61 ล้านคน จากทั้งสิ้น 5,048,081 คนคิดเป็น 71.67%
ทั้งนี้ ยังจะได้รวบรวมจำนวนเด็กนักเรียนที่ผู้ปกครองให้ความยินยอมแล้วเพิ่มเติม และจะจัดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีน เพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามมาตรการช่วยเหลือเด็กนักเรียน/ผู้ปกครอง พร้อมกำชับกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจสอบระบบการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิดโดยเงินทุกบาทต้องถึงมือผู้ปกครอง ตรงตามวัตถุประสงค์
ขณะเดียวกันก็ได้มอบหมายให้ ศธ. และ สธ. รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กมีความปลอดภัยและได้รับมาตรฐานองค์การอนามัยโลกและ อย. เพื่อให้การฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กนักเรียน/เยาวชน ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอบครอบคลุมมากที่สุด รองรับการผ่อนคลายมาตรการและให้การเรียนการสอนในภาคเรียนต่อไปกลับมาสู่รูปแบบปกติทั่วประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด
ข้อมูลจาก ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ภาพจาก TNN ONLINE