TNN ด่วน! ศบค.ไฟเขียวเปิดห้าง-ร้านอาหาร นั่งทานในร้านได้ 50%

TNN

เกาะติด COVID-19

ด่วน! ศบค.ไฟเขียวเปิดห้าง-ร้านอาหาร นั่งทานในร้านได้ 50%

ด่วน! ศบค.ไฟเขียวเปิดห้าง-ร้านอาหาร นั่งทานในร้านได้ 50%

ศบค. คลายล็อกนั่งทานอาหารในร้าน 50 - 75% เปิดห้าง-ร้านเสริมสวย-สวนสาธารณะ คง 29 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเหมือนเดิม

วันนี้( 27 ส.ค.64)  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 

2019 (โควิด-19) ผ่านระบบ Video Conference ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิว

ล่าสุดที่ประชุม ศบค. เห็นชอบเปิดห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร โดยร้านอาหารที่มีการเปิดเครื่องปรับอากาศนั่งรับประทานในร้านได้ 50% ของจำนวนที่นั่งในร้าน ถ้าไม่เปิดแอร์นั่งได้ 75 % ของจำนวนที่นั่งในร้าน โดยการนั่งรับประทานอาหารในร้านจะต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม 

นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ หรือ สถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ร้านสะดวกซื้อ ให้เปิดดำเนินการได้ตามปกติจนถึงเวลา 20.00 น. โดยผู้ให้บริการจะต้องได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว และจะต้องมีการตรวจคัดกรองด้วยชุด ATK เป็นระยะ

ขณะที่ร้านเสริมสวย ร้านนวด เปิดได้ตามปกติ , สวนสาธารณะ ลานกีฬา สนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกาย ที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้ง ยกเว้นฟิตเนส และอาคารในสถานศึกษาเปิดได้ตามปกติ แต่ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการสถานศึกษาพิจารณา

ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.ยังให้คงจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด(สีแดงเข้ม) 29 จังหวัด แต่ใช่มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล Univerasal Prevention พร้อมกันนี้เห็นชอบการรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่เดิมกำหนดไม่เกิน 5 คน ขยายเป็น 25 คน 

ส่วนการเปิดบริการรถสาธารณะ จะต้องจำกัดจำนวนผู้โดยสารไม่เกิน 75% และพนักงานขับรถจะต้องได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม รวมถึงจะเปิดให้เดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งผู้โดยสารจะต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม หรือผลตรวจโควิด-19 ไม่พบเชื้อ

นอกจากนี้ยังคงพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้มเหมือนเดิม แต่ใช่มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล Univerasal Prevention ขณะที่เคอร์ฟิวคงเดิมเวลา 21.00-04.00 น. แต่ไม่ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด เพียงขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางหากไม่มีความจำเป็น โดยมาตรการผ่อนคลายต่างๆ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไป


ข่าวแนะนำ