TNN ผลวิจัยอังกฤษพบวัคซีนต้านโควิด มีประสิทธิผลลดลงหลัง 6 เดือน

TNN

เกาะติด COVID-19

ผลวิจัยอังกฤษพบวัคซีนต้านโควิด มีประสิทธิผลลดลงหลัง 6 เดือน

ผลวิจัยอังกฤษพบวัคซีนต้านโควิด มีประสิทธิผลลดลงหลัง 6 เดือน

ผลการวิจัยชิ้นใหม่ในอังกฤษพบว่า ประสิทธิผลในการป้องกันไวรัสโควิด-19 จากการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และแอสตร้าเซนเนก้า ครบ 2 เข็ม เริ่มลดลงหลังฉีดวัคซีนไปได้ 6 เดือน ตอกย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือบูสเตอร์ เป็นเข็มที่ 3

วันนี้ (26 ส.ค.64) ผลการศึกษาของอังกฤษ อ้างอิงข้อมูลจากการตรวจประชาชนมากกว่า 1.2 ล้านคน ระบุว่า ประสิทธิผลของวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มลดลงจากร้อยละ 88 ในช่วงเดือนแรกหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เหลือร้อยละ 74 หลังผ่านไป 5-6 เดือน ในขณะที่ประสิทธิผลของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าลดลงจากร้อยละ 77 ในช่วงเดือนแรกหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เหลือร้อยละ 67 หลังผ่านไป 4-5 เดือน

และเคยมีผลการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนหน้านี้ ระบุว่า วัคซีนจะมีประสิทธิผลในการป้องกันไวรัสโควิดอย่างน้อย 6 เดือน

ผลการศึกษาอีกฉบับจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ระบุว่า ประสิทธิผลของวัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ทั้งคู่ มีประสิทธิผลต่อเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์เดลตาลดลงจากร้อยละ 91 เหลือร้อยละ 66 

ซีดีซียังเผยแพร่ผลการศึกษาอีกฉบับเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาที่ระบุว่า ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวีคซีนมีโอกาสต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 มากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วถึง 29 เท่า โดยผลการศึกษาฉบับนี้อ้างอิงจากผลสำรวจผู้ป่วยในนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคมถึงวันที่ 25 กรกฎาคม

อังกฤษเตรียมเริ่มแผนการฉีดวัคซีนต้านโควิดเข็มที่ 3 ในปลายเดือนนี้ หลังคณะที่ปรึกษาด้านวัคซีน กล่าวว่า อาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ผู้สูงอายุและผู้ที่เปราะบางที่สุดเริ่มจากเดือนกันยายนนี้ 

อย่างไรก็ตาม ทีดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก หรือ WHO แถลงในวันพุธว่า ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิ ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยเขากล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า เมื่อบางประเทศเสนอฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว และมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเข็มแรก และเข็มที่ 2 ด้วยซ้ำ มันจึงเป็นปัญหาด้านศีลธรรม


ข่าวแนะนำ