TNN อย.ขึ้นทะเบียนยาฟาวิพิราเวียร์ ในชื่อ "ฟาเวียร์" เริ่มใช้รักษาโควิด-19 เดือนหน้า

TNN

เกาะติด COVID-19

อย.ขึ้นทะเบียนยาฟาวิพิราเวียร์ ในชื่อ "ฟาเวียร์" เริ่มใช้รักษาโควิด-19 เดือนหน้า

อย.ขึ้นทะเบียนยาฟาวิพิราเวียร์ ในชื่อ ฟาเวียร์ เริ่มใช้รักษาโควิด-19 เดือนหน้า

ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือ ยาฟาเวียร์ รักษาโควิด-19 ขององค์การเภสัชกรรม ที่ผลิตเอง ได้ขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว เดือนสิงหาคมนี้ พร้อมเริ่มกระจายให้กับผู้ป่วย

วันนี้ (15 ก.ค.64) ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กล่าวว่า "ยาฟาเวียร์" 200 มิลลิกรัมต่อเม็ด มีชื่อสามัญทางยา คือ ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ดำเนินการ วิจัย พัฒนา และผลิตเอง ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว โดยยา "ฟาเวียร์" เป็นผลิตภัณฑ์ยาสามัญรายแรกของประเทศไทยมีคุณภาพมาตรฐานสากล จะเริ่มผลิตและกระจายให้ผู้ป่วยได้ใช้ในต้นเดือนสิงหาคมนี้

อย.ขึ้นทะเบียนยาฟาวิพิราเวียร์ ในชื่อ ฟาเวียร์ เริ่มใช้รักษาโควิด-19 เดือนหน้า

โดยในระยะแรก จะผลิตได้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 2 ล้านเม็ด ที่โรงงานขององค์การฯ ถนนพระราม 6 และจะขยายกำลังการผลิตไปยังโรงงานผลิตยาที่ คลอง 10 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการผลิตยาดังกล่าวขององค์การฯ ครั้งนี้ช่วยให้ราคายาถูกลงกว่าการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ส่งผลให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศ

"ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นรายการยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทย ซึ่งเดิมต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันสถานการณ์การการระบาดโรคโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ถึงประมาณวันละ 3 แสนเม็ด หรือเดือนละประมาณ 9 ล้านเม็ด ซึ่งองค์การฯ ได้มีการจัดหาเข้ามาจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และองค์การฯจะเริ่มผลิตยาฟาเวียร์คู่ขนานไปด้วย โดยองค์การฯจะได้มีการบริหารจัดการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ ให้เพียงพอและสอดคล้องกับสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศ"

อย.ขึ้นทะเบียนยาฟาวิพิราเวียร์ ในชื่อ ฟาเวียร์ เริ่มใช้รักษาโควิด-19 เดือนหน้า

ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ กล่าวต่อไปว่า องค์การฯ ได้ดำเนินการวิจัยพัฒนาและผลิตยาฟาเวียร์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต่างประเทศ มาใช้ในการพัฒนาสูตรตำรับ จนขยายขนาดการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ยาดังกล่าวได้ผ่านการศึกษาความคงตัวและประสิทธิผลทางชีวสมมูล (Bioequivalence study) ซึ่งเป็นการศึกษาระดับยาในเลือดเทียบกับยาต้นแบบแล้ว โดยผลการศึกษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลและผลการศึกษาชีวสมมูลเทียบเท่ากับยาต้นแบบ

ข่าวแนะนำ