อนามัยโลกชี้แจงใหม่ ‘ฉีดวัคซีนสลับชนิด’ ต้องเป็นการตัดสินใจของแพทย์
อนามัยโลกชี้แจงใหม่ไม่ห้าม ‘ฉีดวัคซีนสลับชนิด’ แต่การตัดสินใจต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์
วันนี้ ( 14 ก.ค. 64 )สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดร.โสมยา สวามีนาธัน หัวหน้าคณะวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้แจงประเด็นเรื่องการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ ระบุว่าไม่ควรฉีดวัคซีนโควิด-19 ไขว้ จากผู้ผลิตต่างกันด้วยตนเอง การตัดสินใจดังกล่าวควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข
ดร.โสมยา สวามีนาธัน ระบุถึงฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับยี่ห้อ เป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างอันตรายเล็กน้อย ในระหว่างการแถลงข่าวขององค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 12 ก.ค.64 หลังถูกถามเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งดร.โสมยากล่าวว่าอาจเกิดสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงหากพลเมืองในประเทศต่างๆเริ่มตัดสินใจเองว่าเมื่อไหร่ ควรรับวัคซีนเข็มที่ 2 เข็มที่ 3 และเข็มที่ 4
ทั้งนี้ดร.โสมยา เรียกการฉีดวัคซีนสลับชนิดว่า "เป็นขอบเขตที่ปราศจากข้อมูล" อย่างไรก็ตามเธอก็ชี้แจงบนทวิตเตอร์ถึงความเห็นดังกล่าวว่า บุคคลใดๆไม่ควรตัดสินใจด้วยตนเอง หน่วยงานสาธารณสุขสามารถทำได้ บนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่ ยังต้องรอข้อมูลการศึกษาวัคซีนสลับชนิดของวัคซีนต่างยี่ห้อ จำเป็นต้องประเมินความสามารถในการกระตุ้นสร้างแอนติบอดีและความปลอดภัย
นอกจากนี้คณะผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษายุทธศาสตร์ด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก เคยแนะนำในเดือนมิถุนายน ว่าวัคซีนของไฟเซอร์ อิงค์ ควรถูกใช้เป็นวัคซีนเข็มที่ 2 หลังเข็มแรกฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า หากว่าวัคซีนอย่างหลังไม่สามารถหาได้
ขณะที่การทดลองทางคลินิกที่นำโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดในสหราชอาณาจักร อยู่ระหว่างการตรวจสอบการฉีดวัคซีนสลับชนิดระหว่างแอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ และเมื่อเร็วๆนี้การทดลองได้ขยายขอบเขตครอบคลุมถึงวัคซีนของโมเดอร์นา อิงค์และโนวาแว็กซ์ ด้วยเช่นกัน