ผวา! ศูนย์จีโนมฯเผยไทยเจอโควิดอินเดียแล้ว 22 % จ่อครองพื้นที่แทนพันธุ์อังกฤษ
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เปิดผลถอดรหัสพันธุกรรม ไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดในไทย ร้อยละ 71 ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษ ขณะที่สายพันธุ์อินเดีย ระบาดเร็วพบเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 22
วันนี้ ( 22 มิ.ย. 64 )ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยข้อมูลล่าสุด จากการสุ่มตรวจเพื่อถอดรหัสพันธุกรรมสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทย พบว่าขณะนี้ร้อยละ 71 เป็นสายพันธุ์อัลฟ่า(อังกฤษ)ที่ยังครองพื้นที่อยู่
ขณะที่สายพันธุ์เดลต้า(อินเดีย)พบร้อยละ 22 และสายพันธุ์เบตา(แอฟริกาใต้) พบร้อยละ 3 ต้องดูแนวโน้มอีก 1 เดือนจะเห็นผลมากขึ้นว่าสายพันธุ์เดลต้าจะครองพื้นที่หรือไม่ หากถอดรหัสพันธุกรรมไปแล้วเกินร้อยละ 50 ก็มีความแน่นอนว่าสายพันธุ์เดลต้าจะครองพื้นที่แทนอัลฟ่า
อย่างไรก็ตามวัคซีนที่เราใช้อยู่ทั้งแอสตร้าเซเนก้า และซิโนแวค ขณะนี้ยังใช้ได้ผลกับสายพันธุ์อัลฟ่า และเดลต้า ซึ่งการระบาดที่รวดเร็วโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาจำเป็นต้องเร่งปูพรมฉีดวัคซีน
ส่วนสายพันธุ์เบต้า จากคลัสเตอร์โรงเรียนสอนศาสนา จังหวัดยะลา ทางศูนย์จีโนมฯได้สุ่มตรวจนักเรียนที่เดินทางกลับมาภูมิลำเนาที่ จังหวัดภูเก็ต 3 คน พบเป็นสายพันธุ์เบต้า
นอกจากนี้ยังได้ถอดรหัสพันธุกรรมตัวอย่างที่ส่งมาจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ล็อตล่าสุดส่งมาประมาณ 20-30 ตัวอย่าง สุ่มมาจำนวน 10 ตัวอย่าง พบว่าเป็นสายพันธุ์เบต้าทั้งหมด
อย่างไรก็ตามสายพันธุ์นี้ยังไม่น่ากังวลใจเพราะการแพร่ระบาดช้า อย่างใน กทม.สายพันธุ์เบต้าน่าจะเข้ามายากมาก เพราะปูพรมไว้แล้วด้วยสายพันธุ์อัลฟ่าและเดลตา
ศาสตราจารย์เกียรติคุณวสันต์ ยังให้ความเห็นต่อ การเปิดประเทศภายใน 120 วัน ว่า หากใกล้วันเปิดประเทศถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลง อาจจะต้องเลื่อนออกไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เหมือนที่อังกฤษที่กลับมาระบาดมากขึ้นก็เลื่อนการเปิดเช่นกัน