หวั่นร้านอาหาร 5 หมื่นแห่งเจ๊ง ! สมาคมภัตตาคารไทยร้อง 'บิ๊กตู่' เยียวยาด่วน
สมาคมภัตตาคารไทยร่อนหนังสือถึง "บิ๊กตู่" หวั่นร้านอาหาร 50,000 รายเจ๊งในอีก 2-6 เดือนข้างหน้าหลังแบกภาระต้นทุนอ่วม วอนรัฐคลอดมาตรการเยียวยาเร่งด่วน พร้อมเสนอขยายเวลานั่งทานอาหารในร้านเป็น 5 ทุ่ม ปิดร้านเที่ยงคืน ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้านมาตรฐานสูง ในพื้นที่ 4 จังหวัดสีแดงเข้ม
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เพื่อขอเรียกร้องผ่อนคลายมาตรการควบคุมร้านอาหาร
ทั้งนี้ได้ขอขยายระยะเวลานั่งรับประทานอาหารในร้านของพื้นที่ 4 จังหวัดเข้มงวดและควบคุมสูงสุด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ถึงเวลา 23.00 น. และให้ปิดร้านในเวลา 00.00 น. จากปัจจุบันให้นั่งถึงเวลา 21.00 น. และสั่งกลับบ้านถึง 23.00 น.
พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนที่นั่งในร้านของพื้นที่ 4 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยใช้การแบ่งระดับตามมาตรการป้องกันของทางร้าน 50% ของพื้นที่ร้านสำหรับร้านที่ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณ สุขที่ ศบค.กำหนด (Thai Stop Covid) และ 80% สำหรับร้านอาหารที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน Amazing Thailand Safety & Health Administration (SHA) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ World Travel & Tourism Council (WTTC) ให้การยอมรับ และเมื่อมีมาตรฐานสูง ดังนั้นจึงขออนุญาตให้ร้านอาหารที่มีมาตรฐานขั้นสูงสุด สามารถจำหน่ายและบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้
ขณะที่พฤติกรรมของลูกค้าที่มาใช้บริการร้านอาหารจะเป็นการนั่งดื่มในวงจำกัดของแต่ละโต๊ะที่มาด้วยกัน และจะใช้เวลาในการรับประทานอาหารอยู่ในร้านเฉลี่ยประมาณ 2 ชั่วโมง
" ที่ผ่านมาร้านอาหารในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมถึงพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้ความร่วมมือปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรการของ ศบค.ด้วยดี แต่ร้านอาหาร 50,000 ราย ต้องปิดกิจการเพราะขาดทุน ขณะที่ร้านอาหารที่เปิดให้บริการอยู่แล้วก็ต้องรับภาระต้นทุนการผลิต แรงงาน ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อนำมาหมุนเวียนกิจการ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือเร่งด่วนจะมีร้านอาหารจำนวน 50,000 รายต้องปิดกิจการในอีก 2-6 เดือนข้างหน้านี้ จะก่อให้เกิดปัญหาเลิกจ้างงาน ห่วงโซ่ซัพพลายเชนหยุดลง "
นอกจากนี้สมาคมฯยังได้ยื่นข้อเสนอเยียวยาเร่งด่วนประกอบด้วย 7 ประเด็นหลักคือ 1.จัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือทางการเงินเป็นการเฉพาะเกี่ยวกับภัตตาคารและร้านอาหาร ประกอบด้วยคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งซาติ (สศช.)
กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตัวแทนจากผู้ประกอบการร้านอาหาร เนื่องจากที่ผ่านมามาตรการทางการเงินมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสำหรับผู้ประกอบการภัตตาคารและร้านอาหารอย่างมาก เพราะมาตรการทางการเงินที่ออกมาเป็นการมองภาพรวมโดยใช้ฐานปัญหาของธุรกิจอื่น และธนาคารพาณิชย์มักจะไม่นำเสนอข้อมูลสินเชื่อตามมาตรการของรัฐให้กับผู้ประกอบการภัตตาคารและร้านอาหารทราบ และใช้เงื่อนไขของธุรกิจอื่นๆ มาเป็นเกณฑ์พิจารณา
2.ออกมาตรการให้เจ้าของห้างสรรพสินค้า และผู้ให้เช่าที่ตั้งร้านลดค่าเช่าอย่างน้อย 50% เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน โดยให้เจ้าของที่ดินอาคาร บุคคลทั่วไป ที่ให้ร้านอาหารเช่า สามารถนำส่วนลดไปลดหย่อนภาษีในรอบบัญชีถัดไป เพื่อจูงใจให้เกิดการลดค่าเช่าตามมา โดยรัฐไม่ต้องจ่ายชดเชย
3.งดการจัดเก็บภาษีรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปีที่ผ่านมา ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา สำหรับธุรกิจร้านอาหาร 4.ยืดระยะเวลาในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มออกไป 6 เดือน 5.ขอให้รัฐบาลงดจัดเก็บภาษีโรงเรือนจากเจ้าของธุรกิจร้านอาหารเป็นเวลา 1 ปี 6.ลดค่าน้ำ ค่าไฟ 30% ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน 7.มีมาตรการจ่ายค่าแรงคนละครึ่ง โดยให้พนักงานสามารถเบิกส่วนอีกครึ่งจากประกันสังคมหรืออื่นๆ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน