แม่น้ำสะแกกรังวิกฤต น้ำแห้งชาวแพเดือดร้อนหนัก
แม่น้ำสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี วิกฤตหนักในรอบ 70 ปี น้ำแห้งบางช่วงบางตอนเดินข้ามแม่น้ำได้ชุมชนชาวแพเดือดร้อนหนัก เรือนแพที่อยู่อาศัยเกยตื้นติดค้างแห้งอยู่บนเนินดิน วอนขอความช่วยเหลือ
วันที่ 8 มิถุนายน 2564 สถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ของจังหวัดอุทัยธานี ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงฤดูฝนก็ตาม โดยเฉพาะแม่น้ำสะแกกรัง ที่ไหลผ่านตัวเมืองอุทัยธานี ตั้งแต่บ้านน้ำตก ผ่านมายังวัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ โบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุทัยธานี ไปจนถึงบริเวณฝั่งตรงข้ามวัดพิชัยปุรนาราม ระยะทางประมาณ 3 กม. ระดับน้ำลดลงอย่างน่าเป็นห่วง เรือนแพที่อยู่อาศัยนับร้อยหลังคาเรือนต้องชักรากลงสูงกลางแม่น้ำ และเรือนแพจำนวนมากเกยตื้นติดค้างแห้งอยู่บนเนินดิน
แม่น้ำสะแกกรังบางช่วงบางตอนในระยะ 3 กม. ดังกล่าว แห้งจนสามารถเดินข้ามได้ ส่งผลให้ชาวชุมชนชาวแพได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เรือนที่เกยตื้นติดค้างแห้งมาเป็นเวลานับเดือนแพลูกบวบไม่ไผ่ทุ่นลอยน้ำของเรือนแพเริ่มได้รับความเสียหาย หากไม่มีนำไหลมาเติมจนทำเรือนแพลอยน้ำได้ก็จะได้รับความเสียหาย หากต้องซ่อมแซมต้องใช้เงินซ่อมในแต่ละหลังมีมูลค่า 4 – 5 หมื่น บาท
นอกจากนี้ระดับที่ลดลงมากถึงขนาดนี้ทำให้ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงปลาในกระชังได้ทำให้ต้องขาดรายได้ไป รวมถึงน้ำที่แห้งและเรือนแพต้องมาอยู่กลางแม่น้ำยังส่งผลให้ไม่สามารถสัญจรทางเรือหรือทางน้ำได้ ชาวชุมชนชาวบอกว่านับเป็นประวัติการณ์ถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดโดยมีนางจันทคนธ์ จรัสศรี อายุ 77 ชาวแพ บอกว่าเป็นชาวเรือนแพเกิดที่เรือนแพแห่งนี้ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นสภาพของแม่น้ำสะแกกรับแห้งจนถึงเดินได้ขนาดนี้ นับได้ว่าเป็นเวลาถึงกว่า 70 ปี จึงขอวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยว เร่งหาทางแก้ไขความเดือดร้อนในการที่จะมีการแก้ไขผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยามาแก้ไขได้อย่างถาวรต่อไป
ในขณะที่ทางด้านนายฐกร กาญจิรเดช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำ ที่บริเวณสถานีสูบน้ำพลังงานไฟฟ้าสถานีสูบน้ำปากคลองขุมทรัพย์ ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมือง ซึ่งเป็นประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่เพิ่งสร้างเสร็จ
หลังได้รับการประสานจากทีมข่าวถึงความเดือดร้อนของประชาชนชาวชุมชนชาวแพที่กำลังประสบกับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยได้รับการเปิดเผยจากผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี ว่า สถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อแม่น้ำสะแกกรังอย่างหนัก และยังไม่สามารถแก้ไขได้ในก่อนหน้านี้ เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระที่ไหลผ่านจังหวัดอุทัยธานี มีระดับต่ำกว่าแม่น้ำสะแกกรัง จึงไม่สามารถผันน้ำหรือระบายน้ำได้ตามธรรมชาติ จึงได้มีการแก้ไขปัญหาสร้างสถานีสูบน้ำขึ้นมาใหม่ แต่ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังต่ำอยู่ดี จึงได้แก้ปัญหาเฉพาะด้วยการนำเครื่องจักกลหนักมาขุดลอกเปิดทางน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเข้าไปยังสถานีสูบน้ำดังกล่าวจนมีระดับน้ำเพียงพอที่จะสามารถเดินเครื่องสูบน้ำ และเริ่มเดินเครื่องสูบน้ำอย่างเร่งด่วนเพื่อไปเติมให้ระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรังเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ดังกล่าว และในระยะยาวจะได้มีการสร้างประตูระบายน้ำจากจากแม่น้ำเจ้าพระ เพิ่มขึ้นอีกขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและความเป็นไปได้