วัคซีนโควิด "แอสตร้าเซนเนก้า" 1 ขวด ฉีดได้มากกว่า 10 คน ทำได้หรือไม่?
กระทรวงสาธารณสุข เผยองค์การอนามัยโลกเห็นว่าการฉีดวัคซีน "แอสตร้าเซนเนก้า" มากกว่าจำนวนโดสที่กำหนดไว้บนฉลากข้างขวด สามารถทำได้และเกิดประโยชน์ ประสิทธิภาพไม่ลดลง เพราะให้วัคซีนมาเกินจำนวน 10 โดส ใช้เทคนิคดูดวัคซีนอย่างประณีต Low Dead Space Syringes ด้วยไซริงค์พิเศษ ได้วัคซีนครบ 0.5 ซีซี แน่นอน และฉีดได้โดยไม่เหลือวัคซีนค้างในไซริงค์
วันนี้ (21 พ.ค.64) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ว่า ศบค.ได้อนุมัติแผนการกระจายวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งเป็นวัคซีนหลัก รัฐบาลมีนโยบายให้ทั้งคนไทยและต่างชาติจะต้องได้รับการฉีดเข็มที่ 1 ร้อยละ 70 ภายในเดือนกันยายน 2564 โดยในเดือนมิถุนายนมีวัคซีนประมาณ 6.3 ล้านโดส จัดสรรให้กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่ระบาดสูงจำนวน 2.5 ล้านโดส เพื่อควบคุมการระบาดให้สงบโดยเร็ว ส่วนที่เหลือจัดสรรไปยังจังหวัดต่าง ๆ เน้นในพื้นที่ระบาดสูง และพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศตามแผนที่กำหนด
สำหรับวัคซีน "แอสตร้าเซนเนก้า" 1 ขวดบรรจุ 6.5 ซีซี และกำหนดไว้สำหรับฉีดจำนวน 10 โดส โดสละ 0.5 ซีซี จะมีปริมาณวัคซีนในขวดที่เกินมาอีกประมาณ 1.5 ซีซี จะมีวัคซีนเหลือในขวดฉีดเพิ่มได้อีก 1-2 คน เมื่อดูดวัคซีนอย่างประณีตด้วยเทคนิค Low Dead Space Syringes และจัดสรรไซริงค์พิเศษที่ช่วยดูดวัคซีนได้แม่นยำมากขึ้น ทำให้ได้วัคซีนครบ 0.5 ซีซีแน่นอน และฉีดได้โดยไม่เหลือวัคซีนค้างในไซริงค์ ประสิทธิภาพวัคซีนจึงไม่ลดลง ทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้นถึงร้อยละ 10-20 ซึ่งองค์การอนามัยโลกเห็นว่าการฉีดได้มากกว่าจำนวนโดสที่กำหนดไว้บนฉลากข้างขวด สามารถทำได้และเกิดประโยชน์
สำหรับประชาชนทั่วไป ลงทะเบียนนัดหมายฉีดวัคซีนได้ทั้งทางไลน์ แอปพลิเคชัน หมอพร้อม โรงพยาบาล อสม.นัดหมาย หรือการลงทะเบียน On site โดยเริ่มการฉีดวัคซีนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นไป คือกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เจ้าหน้าที่ด่านหน้าและกลุ่มอาชีพเสี่ยงติดเชื้อ รวมทั้งผู้มีอาชีพ กิจการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน และกลุ่มพิเศษที่ต้องเร่งดำเนินการคือ บุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับการฉีดก่อนเปิดภาคเรียน ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว ประชาชนทั่วไป