นพ.ยง ชี้ โควิดสายพันธุ์อินเดียยังไม่เข้าไทย เตือนระบาดหนักไวรัสอาจกลายพันธุ์
ศ.นพ.ยง เผย ยังไม่พบเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดียในประเทศไทย ย้ำคนไทยควรฉีดวัคซีนโควิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพราะได้ประโยชน์มากกว่า ผลวิจัยยืนยันฉีดครบ 2 เข็มภูมิคุ้มกันเทียบเท่าคนติดเชื้อโควิดที่หายแล้ว
วันนี้ (25 เม.ย.64) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดให้กับคนไทย มีประสิทธิภาพ และสร้างภูมิคุ้มกันได้ถึง ร้อยละ 98-99
จากผลการวิจัยในการฉีดวัคซีนของประเทศจีน พบว่า หลังจากฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว 2 ใน 3 เริ่มตรวจพบ ภูมิต้านทาน แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เมื่อฉีดเข็มที่ 2 ต่อเนื่องในช่วง 2-3 สัปดาห์ พบภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงเท่ากับผู้ติดเชื้อที่หายแล้วมีภูมิ จึงขอให้มั่นใจว่าวัคซีนช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานได้อย่างแน่นอน
ส่วนการกลายพันธุ์ของไวรัส ถ้าไวรัสมีการแพร่ระบาดมากก็จะมีโอกาสเกิดการผ่าเหล่า ซึ่งสายพันธุ์ที่มีความแข็งแรงก็จะอยู่ได้นาน แพร่ได้เร็ว ดังนั้น การป้องกันการกลายพันธุ์ คือ ต้องลดการแพร่ระบาดในจำนวนมาก
โดยการระบาดโควิดระลอกนี้ในประเทศ ร้อยละ 98 เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ด้านสายพันธุ์อินเดีย ไม่เหมือนสายพันธุ์อังกฤษ เนื่องจากสายพันธุ์อินเดีย อาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ ซึ่งทั่วโลกกำลังจับตาอยู่ โดยขณะนี้ประเทศไทยยังไม่พบการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์อินเดีย
จากข้อมูลผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในไทย พบว่า ผู้เข้ารับส่วนใหญ่ มีอาการความดันโลหิตสูงจากความตื่นกลัวและตกใจ จึงส่งผลให้ร่างกายมีปฏิกิริยาเมื่อได้รับวัคซีน จึงขอให้ผู้ที่จะเข้ารับวัคซีนคลายความกังวล
นอกจากนี้ ศ.นพ.ยง ย้ำว่า หากเปรียบเทียบความเสี่ยงจากากรฉีดวัคซีนกับประโยชน์ที่จะได้รับ พบว่า การฉีดวัคซีนมีประโยชน์มากกว่า เช่น ประเทศอังกฤษ ที่ฉีดวัคซีนได้ครบ100% แม้จะมีผู้ที่เกิดอาการไม่พึ่งประสงค์ ที่มีภาวะลิ้มเลือดอุดตัน แต่เห็นชัดว่า อัตรากาเสียชีวิตของคนอังกฤษลดน้อยลง และสภาพเศรษฐกิจดีขึ้น.