ฉีดวัคซีนโควิดนานแค่ไหน? จะมี "ภูมิคุ้มกัน"
ส่องงานวิจัยนำตัวอย่างซีรั่มของผู้ที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์มาศึกษา ไขคำตอบฉีดวัคซีนนานแค่ไหน ถึงจะมี "ภูมิคุ้มกัน"
วันนี้( 1 เม.ย.64) งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Nature Medicine มีข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งทีมวิจัยนำตัวอย่างซีรั่มของผู้ที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์มาศึกษา โดยเก็บตัวอย่างมาจากคนเดียวกัน ที่เวลาต่างกัน คือ 2 และ 3 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรก ต่อมาสัปดาห์ที่ 4 ได้รับวัคซีนเข็ม 2 หลังจากนั้น เก็บตัวอย่างหลังฉีดได้ 1 สัปดาห์ และอีกครั้งเมื่อครบ 3 สัปดาห์ ทีมวิจัยได้นำตัวอย่างซีรั่มเหล่านั้น มาทดสอบดูปริมาณของแอนติบอดี ที่สามารถยับยั้งไวรัส SARS-CoV-2 เข้าสู่เซลล์ โดยเปรียบเทียบกับไวรัส 3 สายพันธุ์คือ 1. ไวรัสสายพันธุ์ G ดั้งเดิม ที่มีสไปค์ตรงกับวัคซีนมากที่สุด , 2.ไวรัสสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7 ที่เชื่อว่าแพร่กระจายเร็ว และอาจก่อโรครุนแรงได้มากขึ้น และ 3. ไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ หรือ B.1.351 ที่มีข้อมูลชี้ว่าหนีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้
ผลการทดลองที่แสดงออกมา พบว่า หลังได้รับวัคซีนเข็มแรกไป 2 สัปดาห์ แอนติบอดีดูเหมือนจะขยับขึ้นมาบ้างต่อสายพันธุ์ G แต่ก็ไม่มากพอ แต่อีก 2 สายพันธุ์เหมือนจะยังไม่มีแอนติบอดีมายับยั้งได้ พอสัปดาห์ที่ 3 ระดับแอนติบอดีต่อสายพันธุ์ G สูงขึ้น จนเกินระดับที่ตั้งไว้ แต่อีก2 สายพันธุ์ยังขึ้นน้อย โดยเฉพาะต่อสายพันธุ์แอฟริกาใต้ หรือ B.1.351 แทบไม่ขยับ เมื่อได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ไป 1 สัปดาห์ จะเห็นได้ชัดเจนว่าระดับแอนติบอดีถูกกระตุ้นสูงขึ้นจนเพียงพอที่จะยับยั้งการติดเชื้อของไวรัสทั้ง 3 สายพันธุ์ได้ แต่ระดับแอนติบอดีต่อ B.1.351 ยังน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆอย่างชัดเจน มีกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มไปแล้ว ยังมีแอนติบอดีที่ไม่สูงพอที่จะยับยั้งไวรัสชนิดนี้ได้พอสมควร ซึ่งหากกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับเชื้อ B.1.351 มาก็อาจจะเป็นเคสที่ป่วยได้แม้ได้รับวัคซีนไปแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา จากไบโอเทค ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า การที่ผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปประมาณ 1 สัปดาห์ เหมือนกรณีแม่ค้าในจังหวัดราชบุรีที่ติดเชื้อโควิด เป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจ เนื่องจากว่า ระบบภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นหลังจากได้เจอกับวัคซีน หรือ โปรตีนสไปค์ของไวรัส SARS-CoV-2 ในวัคซีนนั้น จะใช้เวลาพอสมควร โดยเฉลี่ยจะประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นแอนติบอดีสร้างขึ้นมาได้บ้าง แต่ปริมาณน่าจะไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อได้ ซึ่งวัคซีนถูกออกแบบมาให้ฉีด 2 เข็ม การได้รับเข็มที่ 2 จะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกครั้งให้ปริมาณแอนติบอดีสูงขึ้้น จับกับไวรัสได้แน่นขึ้น และใช้เวลาไม่นานเหมือนเข็มแรก
ข้อมูลจากงานวิจัยชุดนี้ แสดงให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า หลังจากแต่ละคนได้รับวัคซีนป้องกันโควิดแล้วจะเห็นภูมิคุ้มกันตัวเองอย่างไรบ้าง ซึ่ง ข้อมูลจากงานวิจัยนี้ มาจากวัคซีนชนิด mRNA ที่น่าจะกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าวัคซีนเชื้อตาย หรือ จาก viral vector ที่หลายประเทศรวมทั้งไทยใช้ฉีด อย่างไรก็ตามประเด็นที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง คือ วัคซีนเข็มที่ 2 มีความสำคัญมาก หากใครที่รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ต้องไปฉีดเข็มที่2ตามใบนัด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อได้อย่างสูงสุด