‘แมว’ อย่าเพิ่งเอาไปทิ้ง!ปศุสัตว์ชี้ติดโควิดจากสัตว์เลี้ยงมีโอกาสน้อยมาก
กรมปศุสัตว์ชี้แจงการติดโควิด-19จากสัตว์สู่คนโอกาสอยู่ในระดับต่ำมาก ขอปชช.อย่าตืนตระหนกเอาสุนัข-แมวไปทิ้ง
วันนี้(21 มิ.ย. 65) ตามที่มีรายงานข่าวออนไลน์ถึงผลการศึกษาในประเทศไทย พบคนติดเชื้อโควิด-19จาก ‘แมว’ เมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ได้รับการตีพิมพ์เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 65 ว่า มีพ่อลูกคู่หนึ่ง อายุ 64 และ 32 ปี มีอาการป่วยและตรวจพบเชื้อโควิด-19 ส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 64 โดยทั้ง 2 คนได้พาแมวที่เลี้ยงมาด้วย เมื่อมาถึงแมวถูกส่งไปยังโรงพยาบาลสัตว์เพื่อทำการตรวจ
สัตวแพทย์หญิงวัย 32 ปี ได้ทำการตรวจหาเชื้อแมวด้วยการแยงจมูกและทวารหนัก ซึ่งพบผลเป็นบวกต่อเชื้อโควิด-19 โดยในขณะที่กำลังตรวจนั้น แมวได้จามใส่สัตวแพทย์ ที่มีการป้องกันโดยใส่ถุงมือ หน้ากากอนามัย แต่ไม่ได้ใส่เฟสชีลด์ ต่อมาในวันที่ 13 ส.ค. 65 หรือ 5 วันหลังจากนั้น สัตวแพทย์หญิงเริ่มมีอาการของการติดเชื้อโควิด-19 เช่น ไอและเป็นไข้ แต่ยังไม่ได้ไปพบแพทย์ จนกระทั่งวันที่ 15 ส.ค. 65 ได้ตรวจพบผลเชื้อไวรัสเป็นบวก
ทั้งนี้ เมื่อวิเคราะห์การศึกษาลำดับจีโนมประกอบกับระยะเวลาการติดเชื้อที่ใกล้เคียงกัน พบว่า การติดเชื้อของทั้งสัตวแพทย์หญิง แมว และเจ้าของอีก 2 คน มีความเกี่ยวข้องกันในทางระบาดวิทยา โดยเชื้อที่พบนั้นยังไม่มีการระบาดในพื้นที่ของสงขลา และเนื่องจากสัตวแพทย์หญิงไม่เคยพบกับเจ้าของแมวมาก่อน ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานในครั้งนี้คือสัตวแพทย์น่าจะติดเชื้อโควิด-19 มาจากแมวที่จามใส่หน้า
ล่าสุด น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า การศึกษาการแพร่กระจายของโควิดจากแมวสู่คน ครั้งนี้ ถือเป็นรายงานชี้มีการแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คนได้ อย่างไรก็ดี พบว่า อัตราการเกิดของการแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คนเป็นความเสี่ยงที่พบได้น้อยมาก เชื้อไวรัสโคโรน่ามีหลายชนิด บางชนิดสามารถทำให้เกิดโรคคล้ายหวัดในคน และบางชนิดทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ในสัตว์ เช่น วัวควาย อูฐ และค้างคาว เชื้อไวรัสโคโรนาในสุนัขและแมว สามารถแพร่ระบาดในสัตว์เท่านั้นและไม่แพร่ระบาดในคน สัตว์ในสวนสัตว์หรือเขตรักษาพันธุ์ เช่น กอริลล่า มิงค์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ สามารถติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ โดยส่วนใหญ่ติดเชื้อหลังจากสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ องค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) ได้มีการรายงานว่า สัตว์ป่า เช่น กวางหางขาว มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแหล่งรังโรคของเชื้อไวรัสโคโรน่า จึงจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติ่ม และประเมินถึงผลกระทบอื่นที่อาจตามมาได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานแสดงถึงการแพร่กระจายที่แน่ชัด แต่การแพร่กระจายเชื้อจากมนุษย์เข้าไปสู่ประชากรกวางหางขาวนั้น เกิดขึ้นหลายครั้ง
ดังนั้น จึงควรมีการสร้างความตระหนักให้กับนักล่า และผู้ที่อาศัยหรือทำงานกับสัตว์ป่า เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิสัมพันธ์ที่ไม่จำเป็นกับสัตว์ป่า และหลีกเลี่ยงการทิ้งขยะหรือวัตถุของมนุษย์ไว้ในพื้นที่ป่าที่สัตว์ป่าสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้ร่วมมือกับ WOAH ในการรายงานเหตุการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในประเทศ โดยประเทศไทยได้ทำการรายงานการติดเชื้อว่ามีการติดเชื้อในสุนัขและแมวแล้ว
ทั้งนี้ จากการสอบสวนสาเหตุ พบว่า ทุกเคสที่รายงานนั้นสัตว์เลี้ยงติดเชื้อจากการที่เจ้าของติดเชื้อโควิด-19 ทั้งสิ้น นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ ยังมีโครงการการเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในสัตว์เลี้ยงที่มีอาการเสี่ยง เช่น มีการแสดงอาการทางระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น หรือสัตว์เลี้ยงที่มาจากต่างประเทศพร้อมกับเจ้าของ
สำหรับผลจากการตรวจเฝ้าระวังดังกล่าว ที่ทำการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อโดยสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ขณะนี้ทุกตัวอย่างที่ให้ผลเป็นลบ ถึงแม้จะมีงานวิจัยรายงานว่า คนสามารถติดเชื้อจากแมวดังกล่าวได้นั้น แต่ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อได้ให้ข้อมูลว่า ความเสี่ยงจากการติดเชื้อจากสัตว์สู่คนนั้นยังอยู่ในระดับต่ำมาก
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนอย่าตระหนก และหมั่นดูแลสัตว์เลี้ยงด้วยความใกล้ชิด อย่าปล่อยหรือทิ้งสัตว์เลี้ยงเพราะความกลัวจากสถานการณ์หรือข่าวดังกล่าว และหากเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีอาการป่วยของโควิด-19 ขอให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง
"ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์และเจ้าของสัตว์เลี้ยง ให้ดูแลสัตว์ของตนเองให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และป้องกันสัตว์ไม่ให้สัมผัสกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะนำเชื้อโรคเข้าสถานที่เลี้ยงสัตว์ พร้อมกับให้หมั่นสังเกตอาการของสัตว์อย่างสม่ำเสมอ โดยหากพบสัตว์แสดงอาการน่าสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้ทันท่วงที" อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว
ข้อมูลจาก : กรมปศุสัตว์
ภาพจาก : AFP