จับตาศุกร์นี้! นายกฯ ประชุมศบค.เคาะ 4 ประเด็นหลัก กระตุ้นท่องเที่ยวไทย

วันนี้ (18 เม.ย.65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงมาตรการรับมือสถานการณ์โควิด-19 หลังเทศกาลสงกรานต์ เบื้องต้นสั่งการให้ติดตามตรวจสอบผลการปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ได้รับรายงานว่าทุกอย่างยังคงเป็นไปตามที่ได้ประมาณการณ์ไว้ ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์ เพื่อให้ประชาชนทุกคนที่ได้เดินทางไปมามีการตรวจสอบตัวเองและป้องกันตัวเอง โดยบางคนอาจต้องปรับตัวอยู่ที่บ้าน พร้อมขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวต่อไป เพราะสถานการณ์ของโรคยังคงอยู่

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เน้นการเตรียมพร้อมด้านเวชภัณฑ์ทางการแพทย์และสถานพยาบาลเน้นดูแลผู้ป่วยที่มีอาการ

โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการจะเน้นดูแลแบบรักษาที่บ้าน หรือโฮมไอโซเรชั่น ส่วนผู้ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องรับยา พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยาฟาวิพิราเวียร์และเวชภัณฑ์มีเพียงพอ  

พร้อมระบุ ถึงแผนการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ในวันที่ 1 ก.ค.ว่า ตัวเลขปัจจุบันยังไม่มีอะไรแตกต่างมากนัก และอัตราส่วนต่างๆยังเป็นไปตามหลักสากล ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศว่าในวันที่ 1 ก.ค. โรคโควิด-19 จะเป็นโรคประจำถิ่น เป็นเพียงแผนที่วางเอาไว้เท่านั้น 

ขณะที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุการประชุม ศบค. 22 เม.ย.นี้ จะพิจารณาใน 4 ประเด็นหลักทั้ง การยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส (Thailand Pass) ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันแรกที่เดินทางมาถึงประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันกำหนดให้ตรวจด้วยวิธี RT-PCR โดยอาจยกเลิกไปเลยหรือเปลี่ยนเป็นวิธี ATK แทน

นอกจากนี้ ยังพิจารณาปรับเปลี่ยนมาตรการกักตัวของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (HRC) ใหม่ และพิจารณายกเลิกการกำหนดให้ต้องซื้อประกันการเดินทาง โดยเสนอให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. หรือ วันที่ 1 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ย้ำว่า ทุกครั้งที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ ได้ส่งผลดีต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลได้ผ่อนคลายให้ผู้เดินทางจากต่างประเทศไม่ต้องมีผลตรวจ RT-PCR เป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาไทย พบว่ามีการเดินทางเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 10,000 คนต่อวัน.

ภาพจาก Thaigov