คาดไม่เกิน2สัปดาห์ โอมิครอน BA.2 ครองไทย ฉีดวัคซีนแค่2เข็มไม่เพียงพอ!

วันนี้ (11 เม.ย.65) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุถึงภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย BA.2 ว่า จากการที่ประชาชนได้มีการฉีดวัคซีนโควิดไปแล้ว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการตรวจติดตามภูมิคุ้มกันของวัคซีนต่อเชื้อโควิด-19  โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของเชื้อต่างๆ ที่พบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลถึงภูมิคุ้มกันที่มีต่อสายพันธุ์หนึ่ง ที่อาจจะไม่ครอบคลุมในอีกสายพันธุ์หนึ่ง โดยขณะนี้เป็นการระบาดระลอก 5 สายพันธุ์ โอมิครอน ที่มีสายพันธุ์ย่อย ทั้ง BA.1 BA.2 และBA.3 ซึ่งBA.3 ยังไม่พบในไทย 

สำหรับระดับภูมิคุ้มกัน ในคนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว ต้องได้รับเข็มกระตุ้น เข็ม 3 พบว่า ประชาชนที่ฉีดเข็มกระตุ้น ภูมิสูงกว่าคนที่ฉีดเพียง 2 เข็ม

ทั้งนี้ ประชาชนที่เคยฉีดวัคซีนซิโนแวค ไปแล้ว 2 เข็ม เมื่อห่างไป 1 เดือน จะพบว่าภูมิคุ้มกันแทบจะไม่มีแล้ว เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 11 ส่วนประชาชนที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนนาก้า ไปแล้ว 2 เข็ม จะพบว่าภูมิเฉลี่ยอยู่เพียง ร้อยละ26 หากห่าง ไป 3-4 เดือนเท่ากับว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายแทบจะไม่มีแล้ว แต่ถ้าหากฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ 3 ไม่ว่าจะเป็น เข็ม 3 แอสตร้าเซนนาก้า หรือไฟเซอร์ 3 เดือนหลังฉีดพบว่าภูมิยังสูงอยู่พอสมควร ถึงร้อยละ61 - ร้อยละ 94 ในการช่วยป้องกันโรคได้ 

การเจาะเลือดดูภูมิคุ้มกันของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าจะสอดคล้องกับ ประสิทธิผลวัคซีนที่ทำขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ว่าการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็มตอนนี้ ถือว่าไม่ได้ช่วยในการป้องกันโรคแล้ว แต่ถ้ามีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นก็จะสามารถป้องกันเชื้อได้ค่อนข้างดีและการป้องกันการเสียชีวิต

สรุปภาพรวมผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มหรือ 3 เข็ม จะมีภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน BA.2 สูงกว่า BA.1 ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม นาน 1 เดือนแล้ว ควรได้รับเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน BA.2 

ทั้งนี้ ประชาชนหากได้รับฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม ไม่ว่าจะเป็นสูตรใดก็ตามควรกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์หรือแอสตร้าเซนนาก้า โดยมีผลการศึกษาชัดเจนแล้วว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นสามารถที่จะลบล้างฤทธิ์ของโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 ได้

ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าว พบว่า วัคซีนโควิดเชื้อตาย 2 เข็ม  หรือ ไวรัลเวคเตอร์ 2 เข็ม  หากเกิน 1 เดือน ต่อ BA.2 ภูมิลดลงมาก ย้ำว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น แล้วต้องการให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีนั้น อาจต้องเว้นระยะห่าง 3-4 เดือน ในการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น แต่อาจจะต้องพิจารณาเป็นกรณีไปในวัคซีนบางชนิด ในกลุ่มที่ฉีดไปแล้ว 2 เข็มที่ภูมิคุ้มกันตกเร็วได้ และหากรอ 3-4 เดือนฉีดเข็มกระตุ้น อาจจะไม่ทัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะให้ทางคณะกรรมการวิชาการที่เกี่ยวข้องด้านวัคซีนพิจารณาต่อไปอาจหย่นระยะเวลาเป็น 1-3 เดือน

ขณะที่ การแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่าขณะนี้ สัดส่วนการระบาดสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ BA.2 อยู่ที่ร้อยละ 96 ส่วน โอมิครอน  BA.1 อยู่ร้อยละ4  ซึ่งคาดว่า 2 สัปดาห์หลังจากนี้ การระบาดในประเทศทั้งหมดจะเป็นสายพันธุ์ BA.2 

ภาพจาก AFP