"อนุทิน" ยังตอบไม่ชัดจะล็อคดาวน์อีกหรือไม่ หลังประกาศเตือนภัยโควิดระดับ4
"อนุทิน" ยังตอบไม่ชัดจะล็อคดาวน์อีกหรือไม่ หลังกระทรวงสาธารณสุขประกาศเตือนภัยโควิดระดับ4
วันนี้ (6ม.ค.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า จากการที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มีการแถลงยกระดับเตือนภัยโควิคระดับ 4 ว่า เป็นไปตามนั้น โดยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดหลังเทศกาลปีใหม่ ยังคงต้อง 7-10 วัน ต่อจากนี้หลังช่วงปีใหม่ ซึ่งจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนตามที่มีการคาดการณ์ไว้ แต่ต้องคอยดูในกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง โรคประจำตัว ที่จะมีอาการหนัก ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต้องใช้ห้องไอซียูหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร
ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว แต่ก็หวังว่าผู้ป่วยในกลุ่มอาการหนักจะไม่เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ได้มีการฉีดวัคซีน covid 19 แล้ว
ขณะที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในวันนี้ 5,775 ราย หากมองในแง่ดี คือ จำนวนผู้เสียชีวิตน้อย แต่ในจำนวนผู้เสียชีวิตนี้คือกลุ่มที่มีการติดเชื้อมาก่อนหน้านี้แล้ว
อย่างไรก็ตาม การระบาดระลอกรอบนี้ จะสามารถรักษาระดับ ของผู้ป่วยติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิตได้ มากน้อยแค่ไหน หากอยู่ในระดับที่ไม่เพิ่มขึ้น ก็จะเป็นไปตาม การคัดการอัตราการแพร่ระบาดปกติ ซึ่งอาจจะทำให้ควบคุมสถานการณ์ได้เร็ว
ส่วนการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในระบบว่า ขอให้เป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งหากเป็นกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการเหลือกันน้อยก็จะเข้าสู่การรักษาตัวที่บ้าน ต้องเก็บเตียง เก็บอุปกรณ์การแพทย์ รักษาบุคลากรทางการแพทย์ สำหรับการดูแลผู้ป่วยอาการหนัก ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ในวันนี้ยังไม่มีอาการ
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงสถานการณ์ โควิด-19 ในครั้งนี้ ว่าเข้าสู่การระบาดระลอก 5 แล้วหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า มีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมเท่าที่จะทำได้ โดยมองว่าสถานการณ์แบบนี้ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย
ส่วนความกังวลต่อสถานการณ์ระบาดและจะนำไปสู่การล็อคดาวน์อีกครั้ง นาย อนุทิน ระบุไม่ชัดเจน เพียงแต่บอกว่า ไม่สามารถบอกอะไรได้ อย่างชัดเจนว่าจะมีมาตรการอะไรที่แน่นอนในตอนนี้ ซึ่งต้องประเมินสถานการณ์เป็นระยะๆ
ซึ่งทางกรมควบคุมโรคก็จะเสนอขอการพิจารณายกระดับพื้นที่ ให้เป็นสีส้ม ซึ่งจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจัยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมกลุ่มกัน เป็นจุดที่แพร่เชื้อมากที่สุด ซึ่งต้องแก้ไขในส่วนนี้ รวมถึงเรื่องการเข้าประเทศระบบ Test and Go ในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขอเข้ามาแล้ว ซึ่งอยู่ในระบบค้างท่อ ที่ตอนแรก กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้กลุ่มนี้เดินทางเข้ามาภายใน 10 มกราคม
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ขอให้พิจารณาใหม่ขยายระยะ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เสนอขยายระยะเวลาเข้าประเทศภายใน 15 มกราคม และหากเข้าเกินวันที่15 มกราคมนี้ จะต้องเข้าระบบแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) และระบบกักตัว 7-10 วันแทน ซึ่งศบค.จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง เชื่อว่าผู้ประกอบการจะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่สำคัญได้กำชับให้กระทรวงการท่องเที่ยว คัดกรองนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจริงๆ ไม่แสดงใบประกันสุขภาพปลอม เพื่ออยากเข้าประเทศ
สำหรับจังหวัดที่เข้าระบบแซนด์บ็อกซ์ นอกจากจังหวัด ภูเก็ต เพื่อไม่ให้ภูเก็ตรองรับหนักเกินไป ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) จังหวัดชลบุรี (เกาะล้าน) /จังหวัดระยอง (เกาะเสม็ด) จังหวัดตราด (เกาะช้าง และเกาะกูด) จังหวัดพังงา (เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ไม่รวมเขาหลัก) แล จังหวัดกระบี่ (เช่น เกาะพีพี)
นายอนุทิน ระบุอีกว่า สุขภาพ ชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ความสูญเสียอวัยวะเรียกคืนไม่ได้ แต่เรื่องการทำมาหากินก็สำคัญ อย่างน้อยเราต้องเอาสุขภาพเป็นสำคัญก่อน เพื่อที่จะสามารถไปประกอบอาชีพสร้างรายได้
ภาพจาก TNN ช่อง 16