TNN ลำปางเปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย "โอมิครอน" รายที่ 3 ติดเชื้อทั้งกลุ่มรวม 5 ราย

TNN

เกาะติด COVID-19

ลำปางเปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย "โอมิครอน" รายที่ 3 ติดเชื้อทั้งกลุ่มรวม 5 ราย

ลำปางเปิดไทม์ไลน์ผู้ป่วย โอมิครอน รายที่ 3 ติดเชื้อทั้งกลุ่มรวม 5 ราย

ลำปางแถลงไทม์ไลน์ผู้ป่วย "โอมิครอน" รายที่ 3 ติดเชื้อต่อจากเพื่อนกลับจากอเมริกา หลังไปเที่ยวขึ้นดอยหลวงเชียงดาว

วันนี้( 3 ม.ค.65) นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และ นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง ได้ออกแถลงการณ์ กรณีพื้นที่ จ.ลำปาง พบผู้ติดเชื้อโควิด – 19 สายพันธุ์โอมิครอน รายที่ 3 เป็นชาย อายุ 38 ปี ชาว ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง มีอาการเจ็บคอ ประวัติได้รับวัคซีน เข็ม 1 ซิโนแวค และเข็ม 2 แอสตราเซเนก้า 

สำหรับประวัติการเดินทาง ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 เพื่อไปรับเพื่อน 4 คนที่สนามบินเชียงใหม่ ก่อนพากันไปรับประทานอาหาร เวลา 21.30 น. ที่ศูนย์อาหารหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แวะซื้อลูกชิ้นหน้าสถานบันเทิง และของที่ร้านสะดวกซื้อ ย่านนิมมานเหมินทร์ ก่อนกลับเข้าโรงแรมที่เปิดพักค้างคืน

วันที่ 22 ธันวาคม 2564 ได้เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เพื่อออกเดินทางไปยัง อ.เขียงดาว จ.เชียงใหม่ ด้วยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกับเพื่อนทั้ง 4 คน ซึ่งในภายหลังเพื่อนทั้ง 4 คนป่วยติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนทั้งหมด เมื่อไปถึงก็ได้ดื่มกาแฟที่ร้านจำหน่ายกาแฟใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และได้รับการอบรมจากเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแม่นะ ก่อนขึ้นไปยังดอยหลวง ซึ่งมีการตรวจหาเชื้อแบบ ATK ผลเป็นลบ โดยทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาขณะเข้ารับการอบรม

จากนั้นได้เข้าพักโรงแรมใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ รับประทานอาหารเย็นบริเวณตลาดฟ้าเพียงดาวก่อนเข้าที่พัก จากนั้นในวันรุ่งขึ้นได้ออกจากโรงแรมไปซื้อของที่ตลาดสดเชียงดาว และเดินทางขึ้นไปยังดอยหลวงเชียงดาว เพื่อท่องเที่ยว และตั้งเต้นท์ค้างแรม ซึ่งชายชาว อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง นอนเต้นท์เพียงคนเดียว 

วันที่ 24 ธันวาคม 2564 ก็ได้เดินลงดอยมา ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ได้แวะสวนส้ม ร้านกาแฟ ระหว่างลงดอย ก่อนที่จะขับรถกลับเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เช็คอินโรงแรมแถวถนนวัวลาย ซึ่งในช่วงเย็นก็ไปกินหมูกระทะด้วยกันทั้งหมด ที่ร้านแยกแอร์พอร์ต เชียงใหม่ ก่อนกลับเข้าที่พัก 

วันที่ 25 ธันวาคม 2564 ได้ออกจากโรงแรม ไปไปซื้อของฝาก ไปร้านกาแฟ ไปวัดผาลาด วัดสวนดอก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และรับประทานอาหารที่ตลาดต้นผยอม และได้ขับรถไปส่งเพื่อนทั้ง 4 คน ที่สนามบินเชียงใหม่ 

วันที่ 26 ธันวาคม 2564 ชายชาว อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ได้รับแจ้งจากเพื่อนว่า ติดเชื้อโควิด – 19 จึงเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมในจ.เชียงใหม่ แล้วไปตรวจหาเชื้อแบบ RT – PCR โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และเช็คอินที่โรงแรมใน จ.เชียงใหม่ เพื่อรอฟังผลการตรวจ ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้ง SMS มาว่า ผลเป็นลบ จึงออกจากโรงแรมและเดินทางกลับบ้าน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ระหว่างทางก็แวะซื้อชุดตรวจแบบ ATK ที่ร้านสะดวกซื้อในปั้มน้ำมันเขต อ.เมืองลำปาง สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอด

ระหว่างกลับบ้านแวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวแถวหมู่บ้านต้นมื่น และกลับเข้ามาถึงบ้านใน ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ กักตัวอยู่ในบ้านคนเดียว เริ่มมีอาการเจ็บคอในช่วงเย็นของวันที่ 27 ธันวาคม 2564 เช้าวันต่อมา วันที่ 28 วันที่ 29 และวันที่ 30 จึงตรวจเชื้อแบบ ATK ด้วยตนเองซ้ำหลายครั้ง ผลเป็นลบ แต่ก็ยังกักตัว และได้รับแจ้งจากเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ว่า ติดเชื้อสายพันธ์โอมิครอน จึงได้โทรศัพท์ติดต่อประสานงานกับศูนย์โควิด เซนเตอร์ ลำปาง , โรงพยาบาลแม่เมาะ และรพ.สต.บ้านกอรอก ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ ให้ทราบ

เจ้าหน้าที่ รพ.สต.บ้านกอรวก ได้มาตรวจสอบที่บ้าน และได้แจ้งให้ไปกักตัวที่โรงพยาบาลแม่เมาะ จึงขับรถไปยังโรงพยาบาล และได้เข้าพักรักษาที่ห้องความดันลบของโรงพยาบาล กระทั่งวันที่ 2 มกราคม 2565 ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่ แจ้งว่า ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน จึงทำให้กลุ่มที่ไปเที่ยวดอยหลวงเชียงดาวด้วยกัน ติดเชื้อไปทั้งหมด 5 ราย ทางกรณีที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรีบเข้าไปสอบสวน และควบคุมโรคกลุ่มผู้สัมผัส ทั้งครอบครัวผู้ป่วย และมีการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม ด้วยการตรวจเชิงรุกในพื้นที่หมู่บ้าน

โดย นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญกรณีนี้ ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ มาจากไปสัมผัสใกล้ชิดกับเพื่อนที่เดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการรับประทานอาหารร่วมกัน และทำกิจกรรมร่วมกัน ดังนั้นทางจังหวัดลำปาง จึงขอความร่วมมือให้ทุกท่านที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตรวจหาเชื้อแบบ ATK ด้วยตนเอง สังเกตอาการตนเอง สวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และกักตัวเองอยู่ในบ้านตามมาตรการสาธารณสุขอย่างน้อย 14 วัน 





ภาพจาก AFP

ข่าวแนะนำ