ราคาทองคำดิ่งหนักรอบ 2 เดือน เกิดจากปัจจัยอะไร?
ราคาทองคำ Spot ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงแรงราว 50 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือนหรือนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม ส่วนแนวโน้มทองคำเป็นขาลงยาวนานหรือไม่นั้น วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
Gold Bullish
เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น
Gold Bearish
ธนาคารกลางสหรัฐอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.และเดือนธ.ค.ของปีนี้
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบ 40 ปี
ภาวะเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงเกินคาด
ถึงแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อสหรัฐทางด้านดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตคาดจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในเดือนมิถุนายน แต่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือนกันยายนยังอยู่ในระดับที่สูง โดยสูงสุดในรอบ 40 ปีและสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยที่ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบรายปี
ขณะที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบรายปี ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.2% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี
ซึ่งปัจจัยดังกล่าวคาดจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายทางการเงินของเฟดในอนาคต ตลาดประเมินว่าเฟดจะยังไม่ได้ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำ Spot ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงแรงราว 50 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่ราคาทองคำ Spot ปรับตัวลงแรงมากที่สุดในรอบ 2 เดือนหรือนับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม รวมทั้งการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC สะท้อนให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนใหญ่ระบุถึงความจำเป็นที่ต้องใช้นโยบายการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ในการประชุมครั้งหน้าจึงมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะปรับขึ้น 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4
อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ
แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways down
สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขตในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะนำข้อมูล Beige Book มาใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงินในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน
นอกจากนี้ติดตามประเด็นของจีนซึ่งเป็นผู้ใช้ทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลกและจะมีผลต่อความต้องการทองคำของโลก มี 2 ประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1) การประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จัดขึ้นในวันที่ 16-22 ตุลาคม ซึ่งประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้รับเลือกดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3 โดยยังเน้นนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งมองว่าเป็นนโยบายปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้คนในระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ส่วนประเด็นปัญหาไต้หวันระบุว่าจีนได้ต่อสู้กับการแบ่งแยกดินแดนและการแทรกแซงอย่างเฉียบขาด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของจีนที่จะปกป้องอธิปไตยของรัฐและบูรณภาพแห่งดินแดน และต่อต้านการแยกตัวของไต้หวัน
2) จีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายปี
แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways down เนื่องจากราคาทองคำหลุดแนวรับ 1,660 ดอลลาร์และตลาดอาจยังกังวลเรื่องธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือของปีนี้
ราคาทองคำมีแนวรับ 1,640 ดอลลาร์ และ 1,614-1,620 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,660 ดอลลาร์ และ 1,680 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,800 บาท และ 29,550 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 30,050 บาท และ 30,250 บาท
ที่มา ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ภาพประกอบ ฮั่วเซ่งเฮง