ทองคำน่าลงทุนอยู่ไหม? หลังราคาเริ่มส่งสัญญาณร่วง

Gold Bullish 

    ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ

    สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศ ได้แก่ รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สหรัฐและจีน จีนและไต้หวัน

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

Gold Bearish 

    ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.

    การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น

    เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

ราคาทองคำเริ่มส่งสัญญาณปรับตัวลงอีกครั้ง ?ทองคำยังคงน่าลงทุนอยู่ไหม?

หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา  โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า อย่างไรก็ตามในช่วงปลายสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1,700 ดอลลาร์ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่สูงกว่าคาด 

ซึ่งเป็นปัจจัยบ่งชี้ความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานสหรัฐ ทำให้นักลงทุนยังคงคาดว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.  ซึ่งนับว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ทั้งในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และก.ย. การคาดการณ์การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด แม้ว่าจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้น และกดดันราคาทองคำในเชิงลบ

 อย่างไรก็ตาม  ราคาทองคำยังให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ซึ่งที่ผ่านมานั้นราคาทองคำ spot มีผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี, 5 ปี และ 10 ปี อยู่ที่ 13.3%, 10.3% และ 2.7% ตามลำดับ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี, 5 ปี และ 10 ปี อยู่ที่ 13.6%,8.3% และ 2.7% ตามลำดับ  

ขณะที่ในปีนี้แม้ว่าราคาทองคำ spot จะปรับตัวลง และให้อัตราผลตอบแทนติดลบเมื่อเทียบกับต้นปี แต่ราคาทองคำ spot ยังมีอัตราผลตอบแทนติดลบเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐที่ให้อัตราผลตอบแทนติดลบมากกว่า 19% ขณะที่ Bitcoin ปรับตัวลงในปีนี้ไปกว่า 58% อย่างไรก็ตาม หากพิจาร ณาอัตราผลตอบแทนของราคาทองคำแท่งในประเทศ ยังให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า 5.57% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปี

 ทั้งนี้ถ้ามองในรูปเงินบาท ทองยังน่าสนใจ เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยไทยและสหรัฐจะกว้างมากขึ้น สหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนถึงปลายปี ดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ที่ราวร้อยละ 4.5 ส่วนของไทยปรับขึ้นคราวละ 0.25 ปลายปีก็จะอยู่ที่ 1.5 ดังนั้นส่วนต่างที่มากถึงร้อยละ 3 คงส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า 

นอกจากนี้คาดว่าการคาดการณ์การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเร่งชะลอการเร่งตัวลงตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565 และในปี 2566 เฟดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะแตะระดับ 4.6% ในสิ้นปี 2566 ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.2% สะท้อนให้เห็นว่าช่วงปี 2566 เฟดจะเริ่มคงอัตราดอกเบี้ยหรือปรับขึ้นไม่มากนัก หรือเฟดอาจจะลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์เริ่มชะลอการแข็งค่าลง และอาจกลับเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ให้นักลงทุนเริ่มเข้ามาซื้อทองคำ

แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นคาดว่าเคลื่อนไหว sideways  down ทั้งนี้หากราคาทองคำ   Spot ปรับลงมามาก อาจจะเริ่มดึงดูดความน่าสนใจในการลงทุน แนะนำหาจังหวะเข้าซื้อสะสมราคาทองคำโดยแบ่งไม้เป็นหลายไม้ ไม้แรกให้เข้าซื้อทองคำในช่วงที่ราคาทองคำยืนเหนือระดับ 1,670 ดอลลาร์ และไม้สองให้เข้าซื้อทองคำเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงมาบริเวณ 1,650 ดอลลาร์  

ส่วนสัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.  และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) นอกจากนี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC และการแถลงของประธาน ECB

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่  1,670 ดอลลาร์ และ 1,650 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,730 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 30,000 บาท และ 29,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 30,400 บาท และ 30,600 บาท

ที่มา  ธนรัชต์ พสวงศ์    ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

ภาพประกอบ  ฮั่วเซ่งเฮง