ทองคำซึมมากแค่ไหน หลังเฟดส่งสัญญาณเร่งเครื่องขึ้นดอกเบี้ย
การส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของเฟดส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้มากแค่ไหน วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
Gold Bullish
- -ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
- -สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศ ได้แก่ รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สหรัฐและจีน จีนและไต้หวัน
- -ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
Gold Bearish
- -ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%-0.75% ในการประชุมเดือนก.ย.
- -การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
- -เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
สัปดาห์นี้ตลาดยังคงซึมซับการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของเฟด
ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง โดยเฉพาะการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่จะขึ้นกล่าวเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ทั่วโลกต่างจับตาการแถลงของประธานเฟดในครั้งนี้เนื่องจากส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดลงทุนทั่วโลก
ทั้งนี้ภายหลังการแถลงที่เมืองแจ็กสัน โฮลของนายเจอโรม พาวเวล ได้มีการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่เดือนก.ย. และเน้นย้ำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และจะไม่ตัดทางเลือกในการ "ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่มากกว่าปกติ" ในเดือนก.ย. แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงก็ตาม
การกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า แล้วกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งราคาทองคำปรับตัวลดลงไปกว่า 1.19% ในวันเดียว ขณะที่ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.4% และสูงกว่าอายุ 5 ปีและ 10 ปี
ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยจากที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ข้อมูล CME GROUP บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดว่ามีโอกาสถึง 61% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00%-3.25% สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเฟดจะดำเนินนโยบายเชิงรุกต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้สัปดาห์นี้นักลงทุนยังคงซึมซับการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ของเฟดจึงยังส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้
จับตาเจ้าหน้าที่รัฐหลายรายทยอยเยือนไต้หวัน
สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองภายหลังจากการเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อต้นเดือนส.ค. ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่จีนอย่างมาก โดยจีนมองว่าการที่นางเพโลซีเยือนไต้หวันเป็นการละเมิดหลักการจีนเดียว ส่งผลให้จีนประกาศว่าจะทำการทดสอบขีปนาวุธและจัดการซ้อมรบในบริเวณใกล้กับช่องแคบไต้หวัน และเป็นครั้งแรกที่จีนได้ยิงขีปนาวุธตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น ทำให้เป็นแรงหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนก็ยังคงมีเป็นระยะ แม้ว่าจีนจะไม่พอใจก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐก็ยังคงเดินทางเยือนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ได้แก่นางมาร์ซา แบล็กเบิร์น วุฒิสามาชิกของสหรัฐ การเดินทางเยือนครั้งนี้เพื่อส่งสารไปยังจีนในการไม่ยอมถูกรังแก ขณะที่มีหลายประเทศยังคงต่อคิวเดินทางเยือนไต้หวันเช่นกัน
ซึ่งนางเพโลซี นายอิริก โฮลคอมบ์ ผู้ว่าการรัฐอินเดียนา ได้เดินทางเยือนไตหวันแล้วหลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ผู้แทนญี่ปุ่น และผู้แทนจากลิทัวเนียก็จะมีการเดินทางเยือนไตหวันเช่นกัน โดยการเดินทางของเจ้าหน้าที่หลายประเทศในครั้งนี้ก็ได้สร้างความไม่พอใจของจีนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเรือสหรัฐได้มีการแล่นผ่านช่องแคบระหว่างจีนและไต้หวันเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรเยือนไต้หวัน ก็อาจจะก่อให้เกิดความขุ่นเคืองกับจีนได้เช่นกัน
แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าเคลื่อนไหว Sideways down สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนส.ค. ของ ADP ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 310,000 ตำแหน่ง จากที่เพิ่มขึ้น 128,000 ตำแหน่ง และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 295,000 ตำแหน่ง จากที่เพิ่มขึ้น 528,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนส.ค. อัตราการว่างงานเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. โดย Conference Board และจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร
ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,720 ดอลลาร์ และ 1,700 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,760 ดอลลาร์ และ 1,780 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,500 บาท และ 29,300 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 29,900 บาท และ 30,000 บาท