ทองคำปรับตัวขึ้นมากแค่ไหนท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์
ราคาแนวโน้มทองคำมีทิศทางขาขึ้นมากน้อยแค่ไหน หลังต้องเผชิญกับสารพัดปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
จับตาสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
Gold Bullish
- ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
- สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศ ได้แก่ รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สหรัฐและจีน จีนและไต้หวัน
- ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
Gold Bearish
- ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.
- การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
- เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
เจ้าหน้าที่เฟดรายหลายยังคงสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก แม้ว่าเงินเฟ้อมีสัญญาณเริ่มชะลอตัวลง
ราคาทองคำ spot สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นกว่า 1.57% จากสัปดาห์ก่อน ซึ่งราคาทองคำปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยและยังถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังคงสนับสนุนการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก แม้ว่าเริ่มมีสัญญาณที่อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัวลงก็ตาม ทั้งนี้ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง นักลงทุนก็ปรับลดการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% มากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนก.ย.
ทั้งนี้สัญญาณเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าขณะนี้อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ระดับสูงสุดในรอบสี่ทศวรรษก็ตาม เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว จากที่อุปทานเพิ่มขึ้นรวมถึงนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการปล่อยน้ำมันสำรองจากคลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐ และการขยายตัวทั่วโลกที่ช้าลงส่งผลด้านอุปสงค์ที่ลดลง ความกลัวต่อการคว่ำบาตรด้านพลังงานที่รุนแรงของยุโรปต่อรัสเซียที่ผ่อนคลายลง ทำให้ลดความกังวลต่อการขาดแคลนเชื้อเพลิงในฤดูหนาว
ทั้งนี้ได้ส่งผลให้ชาวอเมริกันคลายความกังวลมากขึ้น ซึ่งราคาสินค้า ราคาพลังงานปรับตัวลดลงนั้น แม้ว่าสหรัฐจะมีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และการเพิ่มขึ้นของค่าแรง เงินเดือนเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าในทศวรรษก็ตาม แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะตามอัตราเงินเฟ้อ
จับตาสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังคงมีเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีทีท่าที่จะยุติในเร็ววันนี้ ขณะที่สถานการณ์ความตึงเครียดการเมืองระหว่างประเทศอีกฝั่งหนึ่งก็เริ่มระอุขึ้นมา นั้นก็คือความขัดแย้งทางการเมืองกรณีไต้หวัน แม้ว่าอาจจะไม่ร้อนแรงถึงขั้นสงครามเฉกเช่นรัสเซียและยูเครน แต่ก็ได้สร้างความตึงเครียดบนความสัมพันธ์ที่เปราะบางของประเทศมหาอำนาจของโลก ได้แก่ สหรัฐและจีน จากที่สหรัฐได้เยือนไต้หวัน ทำให้จีนไม่พอใจจึงเกิดการซ้อมรบเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน
ขณะที่ไต้หวันก็ยืนกรานไม่รับหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งจีนภายใต้การนำของปธน.สี จิ้นผิง มองว่าไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน ด้วยการยึดหลักการจีนเดียว ความขัดแย้งทางการเมืองกรณีไต้หวันในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนมากขึ้น รวมถึงนโยบายการค้าของสหรัฐและจีนที่จะนำมาบังคับใช้ต่อกัน จากที่คณะทำงานของประธานาธิบโจ ไบเดน พยายามที่จะผ่อนคลายมาตรการด้านภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนเพื่อสกัดภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงนั้น อาจจะส่งผลทำให้รัฐบาลสหรัฐกลับมาทบทวนนโยบายอีกรอบได้
แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าปรับตัวขึ้นได้ต่อ อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นแล้วไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,820 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงเทขายออกมาอีกครั้ง สัปดาห์นี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนส.ค. การอนุญาตก่อสร้างบ้านและการเริ่มก่อสร้างบ้านเดือนก.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนส.ค. ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนก.ค. โดย conference Board นอกจากนี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC
ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,760 ดอลลาร์ และ 1,770 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,820 ดอลลาร์ และ 1,830 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 29,700 บาท และ 29,600 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 30,400 บาท และ 30,500 บาท
ที่มา ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ภาพประกอบ ฮั่วเซ่งเฮง