เฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง

Gold Bullish	Gold Bearish
ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ	ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปีนี้
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่รุนแรงมากขึ้น	ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน	การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
	การกระจายวัคซีนโควิด-19

ทองคำปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ แรงกดดันจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ราคาทองคำ Spot สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุด 2.97% จากการส่งสัญญาณของประธานเฟดในความเป็นได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพ.ค. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้พุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดแล้วราว 3 เท่า จึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทางด้านข้อมูล CME group บ่งชี้ว่า มีโอกาสถึง 99.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพ.ค.  ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่วนหนึ่งสนับสนุนการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างของเจ้าหน้าที่เฟดบางราย ได้แก่ ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาและประธานเฟดสาขาชิคาโกที่ยังสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางควรอยู่ในช่วง 2%-2.5% หรือต่ำสุดไม่เกิน 1.75% เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ต้องการให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างร้อนแรง ซึ่งมีความเห็นว่าเฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75% จนแตะระดับ 3.5% ภายในสิ้นปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ล้วนสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. อย่างน้อย 0.5%  ซึ่งจะนำไปสู่แรงกดดันตลาดทองคำในช่วงสัปดาห์นี้ต่อเนื่องไปยังต้นเดือนพ.ค. จึงทำให้ราคาทองคำอาจยังคงมีทิศทางไม่สดใส ทั้งนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของเฟดเดือนพ.ค. และการประชุมที่เหลือของปีนี้ยังต้องพิจารณาอีกครั้งต่อการประเมินเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงภาวะเงินเฟ้อในขณะนั้น

ตลาด LME ของลอนดอนอาจยุติซื้อขาย GOLD-SILVER FUTURES นับตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.เป็นต้นไป

กระแสข่าวสะเทือนตลาดทองคำในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ตลาด LME ของลอนดอนซึ่งเป็นแหล่งซื้อขายโลหะที่มีค่าที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ประกาศว่าอาจยุติการซื้อขาย GOLD-SILVER FUTURE นับตั้งแต่ 11 ก.ค. 2565 เป็นต้นไป โดยสาเหตุที่ยุติการซื้อขายเนื่องจากตลาด LME volumes การซื้อขายในระดับต่ำ โดยส่วนใหญ่จะเป็นตลาด OTC และการซื้อขายแบบ Physical ซึ่งอาจจะส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดทองคำน้อยลง  แต่อย่างไรความต้องการทองคำแบบ Physical อาจมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลบวกของราคาทองคำ ทั้งนี้กระแสข่าวดังกล่าวยังเป็นเพียงคาดการณ์ต้องติดตามต่อไป ขณะที่ในสถานการณ์ปัจจุบันของราคาทองคำยังคงมีความผันผวนต่อความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ต่าง ๆ อันได้แก่ สงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ภาวะเงินเฟ้อระดับสูง ที่ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะสั้นอาจกดดันตลาดทองคำไปบ้าง ทำให้ทองคำถูกลดความน่าสนใจไปบ้างในระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้นคาดปรับตัวลง สัปดาห์นี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนมี.ค.  ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน จาก 0.4% เมื่อเทียบรายเดือนหรือ เพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบรายปี จากเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. โดย Conference Board จีดีพี ไตรมาส 1 ประมาณการครั้งที่ 1 ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนมี.ค.

ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์ และ 1,890 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,950 ดอลลาร์ และ 1,965 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 30,900 บาท และ 30,700 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 31,200 บาท และ 31,400 บาท

ข้อมูลจาก: ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

ภาพประกอบ : AFP , ฮั่วเซ่งเฮง