ทองคำกับความตึงเครียด สหรัฐ-รัสเซีย ที่ส่อแววเพิ่มขึ้น วิเคราะห์โดย ฮั่วเซ่งเฮง
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ในประเด็นยูเครน ส่อแววเพิ่มมากขึ้น วิเคราะห์โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
Gold Bullish
- ความต้องการทองคำก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน
- ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
- สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ประเด็นชายแดนยูเครน
- ธนาคารกลางสหรัฐจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมในเดือนม.ค.
Gold Bearish
- ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
- ธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
- การกระจายวัคซีนโควิด-19
แรงซื้อทองคำจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซีย
ทองคำปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นกว่า 1.45% ในวันเดียว ซึ่งนับว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ประเด็นที่ส่งผลให้มีแรงซื้อทองคำมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐและรัสเซีย ในประเด็นยูเครน โดยสหรัฐมีความกังวลว่ารัสเซียจะเคลื่อนกำลังพลทหารเข้าไปในยูเครนตามที่ได้สั่งสมกำลังพลบริเวณชายแดน พร้อมกับเตือนรัสเซียว่าหากบุกยูเครน สหรัฐจะดำเนินการมาตรการคว่ำบาตรทางการเงิน เศรษฐกิจ และอื่นๆแก่รัสเซีย ซึ่งสหรัฐได้มีการเตรียมพร้อมในการเตือนบริษัทในอุตสาหกรรมชิปสหรัฐในการรับมือกับข้อกำหนดการส่งออกใหม่ในการแบนรัสเซียไม่ให้เข้าถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การจำกัดไม่ให้รัสเซียเข้าถึงเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้สหรัฐจะมีความกังวลในประเด็นดังกล่าว แต่ทางด้านรัสเซียเองนั้นก็กล่าวอ้างและเคยให้สัมภาษณ์ว่าต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะกับยูเครนและชาติตะวันตก และปฎิเสธข้อกล่าวหาของสหรัฐ ความขัดแย้งในประเด็นของยูเครนนั้นมีความซับซ้อนและยาวนาน แต่ประเด็นที่ทำให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง คือการที่รัสเซียไม่ต้องการให้ยูเครนนั้นเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การนาโต ด้วยต้องการเก็บยูเครนไว้เป็นกันชนกับยุโรปตะวันตก ซึ่งนักลงทุนยังต้องติดตามสถานการณ์ดังกล่าวต่อไป แม้ว่าสหรัฐได้ส่งสัญญาณพร้อมเปิดกว้างในการเจรจา รวมถึงรัสเซีย และนาโตก็พร้อมเจรจาต่อในอนาคต แต่หากเกิดสถานการณ์ที่รัสเซียเพิ่มกำลังพลและบุกเข้ายูเครน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและรัสเซียจะเพิ่มมากขึ้น สหรัฐอาจพร้อมตอบโต้ทันทีไม่วิธีการใดวิธีการหนึ่ง รวมทั้งมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้เพียงส่งผลต่อเศรษฐกิจรัสเซียเท่านั้น ยังส่งผลต่อสหภาพยุโรปเช่นกัน เนื่องจากรัสเซียมีอำนาจต่อรองในด้านก๊าซธรรมชาติ โดยรัสเซียส่งก๊าซให้ยุโรปคิดเป็นสัดส่วน 35% จากราคาก๊าซในยุโรปที่สูงอยู่แล้ว ราคาก๊าซก็อาจจะพุ่งทะลุมากไปอีก เนื่องจากยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซีย และมีปริมาณก๊าซในคลังสำรองระดับต่ำ จึงอาจกระทบเศรษฐกิจขยายวงกว้างได้เช่นกัน
เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมในเดือนม.ค. แต่อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
การประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 25-26 ม.ค. นั้น เป็นการประชุมครั้งแรกของปีนี้ ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจในความชัดเจนเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ยังคาดการณ์ว่าในการประชุมเดือนม.ค.ในครั้งนี้นั้น เฟดอาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่สิ่งที่นักลงทุนสนใจมากกว่าคือการประชุมเฟดในเดือนมี.ค. ในขณะที่การประชุมในเดือนม.ค.ครั้งนี้นั้นอาจจะดูทีท่าการส่งสัญญาณของเฟดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยหลังจากการประชุมของเฟดในครั้งนี้อาจเริ่มเห็นราคาทองคำมีแรงเทขายออกมาบ้าง ประกอบกับเป็นช่วงเข้าใกล้เทศกาลตรุษจีนแรงเทขายก็อาจยังไม่มากนัก เนื่องจากมีแรงซื้อทองคำช่วงตรุษจีนหนุนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ประเด็นที่อาจส่งผลกดดันตลาดทองคำอย่างร้อนแรงคาดว่าน่าจะช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนในเดือนก.พ. ที่นักลงทุนจะไปให้ความสนใจมากขึ้นต่อการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมี.ค. โดยคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 0.25%-0.50%
แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,810-1,850 ดอลลาร์ ในช่วงต้นสัปดาห์อาจมีแรงเทขายออกมาบ้าง อย่างไรก็ตามก็ยังมีแรงซื้อทองคำจากก่อนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน และความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 25-26 ม.ค. และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม แต่อาจส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ สหรัฐจะมีการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. โดย Conference Board ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. จีดีพีไตรมาส 4 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนธ.ค. ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ของม.มิชิแกน
ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,810 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,850 ดอลลาร์ และ 1,860 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 28,350 บาท และ 28,100 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 28,850 บาท และ 29,000 บาท
ข้อมูลจาก: ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง
ภาพประกอบ : AFP , ฮั่วเซ่งเฮง