ทรัมป์ดันดอลลาร์แข็ง ทองไทยน่าสนรับอานิสงส์บาทอ่อน ลุ้น 47,000 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะจับตานโยบายทรัมป์เพื่อบ่งชี้ทิศทางทองคำ โดยมองทองคำระยะยาวยังเป็นขาขึ้น ปี 2568 ยังมีโอกาสเห็นระดับ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ แต่ระยะสั้นต้องจับตาผลกระทบนโยบายของ "ทรัมป์" ก่อน โดยจังหวะนี้ยังมองการลงทุนในทองคำเป็นกลาง แนะ Wait & See รอเข้าลงทุนเมื่อราคาทองปรับฐาน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าส่วนงานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ในระยะสั้นๆนี้ทิศทางทองคำในต้นปี 2568 จะปรับขึ้นมา แต่ต้องยอมรับว่าความปลอดของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในปีนี้ถือว่าถูกสั่นคลอนจากหลายปัจจัย เพียงแต่จุดแข็งของทองคำในปีนี้ยังเหมือนเดิม โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ 1) ภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ดูไมได้เลวร้ายมากนักจึงยังเป็นบวกกับราคาทองคำในตลาดโลก 2) ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์อืนๆ ในตลาด (Outperform ) โดยปี 2567 ทีผ่านมาให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นที่ระดับกว่าร้อยละ 20 สูงกว่าผลตอบแทนในตลาดหุ้น
แต่ในปี 2568 นี้อาจต้องเผชิญกับปัจจัยกดดันจาก 1) ความไมแน่นอนของนโยบาย นายโดนัลด์ ทรัมป์ วาที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่กำลังจะเข้าสู่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. นี้ ซึ่งยังไม่ชัดเจนนักวาจะเป็นบวกหรือ ลบต่อทองคำ 2) Bond Yield หรือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นสูง โดย Bond Yield อายุ 10 ปี ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับร้อยละ 4.75 กดดันต้นทุนการถือลงทุนในทองคำให้สูงขึ้น และเป็นต้นทุนในการซื้อขายของธนาคารกลางต่างๆ ต้องติดตามว่าในระยะถัดไปธนาคารกลางจะกล้าซื้อหรือไม่ หรือ โยบายของ นายทรัมป์สุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไร จะมีผลต่อการข้าซื้อทองคำหรือไม่ นับเป็นประเด็นที่ต้องจับตาต่อไป
ส่วนประเด็นความร้อนแรงของทรัมป์ต่อการเข้ายึดคลองปานามา ที่กลับมาเป็นเพิ่มความร้อนแรงด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกจะส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำอย่างไรนั้น เบื้องต้นคาดการณ์ว่าท่าทีของนายทรัมป์พร้อมจะขัดแย้งกับทุกประเทศ ดังนั้น ทิศทางทองคำจึงยังสามารตอบรับมุมมองที่เป็นกลาง (Neutral) กับประเด็นนี้ แต่ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าของนายทรัมป์มักทำให้คู่ค้าเสียประโยชน์ ทำให้สกุลเงินคู่ค้าอ่อนค่าและทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งดอลลาร์สหรัฐแข็งคาจะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ แต่หากทรัมป์อยากจะแก้ไขปัญหาจริงๆ อาจจะเห็นนโยบายที่นายทรัมป์ทำให้ดอลลาร์ออนค่าลงบ้าง เพื่อเป็นบวกต่อการค้า
สำหรับกรอบคาดการณ์ราคาทองคำโลกยังมองว่าไม่นาจะมีปัจจัยมากดดันให้ทองคำในประเทศลงไปลึกหรือหลุดระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งนาจะเห็นทองคำโลกอยู่ระดับปัจจุบัน ( 2,688 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์) หรือสูงขึ้นไปได้ และยังแรงขับเคลื่อนต่อไปได้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากไมมีแรงงานออกมามากขึ้น โดยนักลงทุนยังเลือกถือต่อ และเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของนายทรัมป์ บวกกับ Bond Yield และไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดลงดอกเบี้้ยได้หรือไมหรือปรับลดลงได้มากน้อยแค่ไหน หรือ ธนาคารกลางประเทศต่างๆ จะเข้าซื้อทองคำเก็บในทุกสำรองมากน้อยเพียงใด ดังนั้น จึงเชื่อว่าปี 2568 นี้ กรอบการเคลื่อนไหวน่าจะอยู่ระดับ 2,400 -2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ขณะที่ทองคำในประเทศจะให้มุมมองเชิงบวกได้มากกว่าจากทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อ่เทียบดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีโอกาสขึ้นไปได้ระดับ 48,000 บาท/บาททองคำ แตถ้าเห็นปัจจัยกดดันหยักทองคำก็อาจเห็นการปรับลดลงไปทีระดับ 38,000 บาท/บาททองคำได้ ดังนั้น คำแนะนำในการลงทุนจังหวะนี้ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่าปัจจุบันทองคำยังไมถูกหรือไม่แพงไปจึงยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อ ถ้าจะเข้าซื้อควรรอติดตาม (Wait & See) โดยให้ราคาปรับฐานลงมาก่อนค่อยข้าลงทุน แม้การปรับฐานคาดจะไม่ได้ปรับลงมาแรงก็ตาม
ส่วนนักลงทุนที่ถือลงทุนในทองคำอยู่แล้วก็ยังไม่แน่นำให้ขายทำกำไรช่วงนี้เช่นกัน ควรรอให้เห็นระดับ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขึ้นไปค่อยพิจารณาขยทำกำไร ในขณะที่ทองคำในประเทศมองว่าโชคดีที่ได้แรงหนุนจากเงินบาทออนค่า ซึ่งคาดว่าในครึ่งแรกปี 2568 นี้เงินบาทจะอ่อนค่าลงมาก่อนค่อยจะปรับแข็งค่าขึ้นในระยะถัดไป ดังนั้น ทองคำในประเทศจึงน่าจะได้อานิสงส์คาเงินบาทอ่อนค่าในครึ่งแรกปีนี้ด้วย
ข่าวแนะนำ