จ้างงานสหรัฐ - การเมืองเกาหลีใต้ ผลต่อทิศทางการลงทุนต้นปี 68
บลจ.ทิสโก้แนะจับตา 3 ประเด็นสำคัญของข้อมูลเศรษฐกิจในเดือนธ.ค.ปี 2567 เพื่อดูโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟด และแนวทางการลงทุนในต้นปี 2568 รวมทั้งติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในเกาหลีใต้ สำหรับการจัดพอร์ตลงทุนยังให้น้ำหนักกับการลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นสหรัฐ หุ้นตลาดเกิดใหม่รวมทั้งหุ้นไทย และทองคำบางส่วนหลังราคาเริ่มย่อลงมาให้สะสมแล้ว
นายกันติพัฒน์ วงศ์สุคนธ์ Head of Wealth Advisory บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนในโค้งสุดท้ายปลายปี 2567 นี้แนะนำให้จับตา 3 ประเด็นสำคัญของข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือน ธ.ค. ที่จะมากำหนดทิศทางการลงทุนทั่วโลก คือ ในวันที่ 6 ธ.ค. ที่จะมีรายงานตัวเลขการจ้างงาน , วันที่ 11 ธ.ค. รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ และวันที่ 18 ธ.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางตลาดในช่วงต้นปี 2568 รวมไปถึงการเข้ามารับตำแหน่งของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ หลังรับตำแหน่งที่จะมีการดำเนินนโยบายเร่งด่วนใน 100 วันแรก
โดยในเบื้องต้น บลจ.ทิสโก้ คาดว่าตัวเลขการว่างงานน่าจะยังอยู่ระดับร้อยละ 4.1 บวกกับที่ตลาดคาดเองก็คาดว่าเงินเฟ้อน่าจะทรงตัวในระดับสูง จึงยังมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังมีโอกาสจะปรับลดอัตราดอดเบี้ยในเดือนธ.ค.ปีนี้ และในปีหน้าน่าจะเห็นคงดอกเบี้ยในเดือนม.ค.ปี 2568 เพราะเงินเฟ้อของสหรัฐยังอาจจะสูงด้วยนโยบายของการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ แต่ต้องติดตามว่านโยบาย 100 วันแรกจะทำได้ตามหาเสียงได้มากแค่ไหนยังต้องติดตามว่าจะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคาดการณ์ว่าทรัมป์นาจะเดินหน้าในนโยบายที่ทำได้ง่ายไมต้องผ่านสภาก่อน ซึ่งความเข้มข้นอาจไมได้ทำเท่ากับทีหาเสียงไว้ก็เป็นได้
นอกจากนี้ นักลงทุนก็ควรจับตาสถานการณ์ในเกาหลีใต้ทั่วโลกกำลังจับตา หลังมีการประกาศกฎอัยการศึก ของนายยุน ซอก ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ แม้ตอนหลังจะมาประกาศยกเลิกก็ตาม ซึ่งมองว่าเป็น noise ชั่วคราว แต่ขั้นตอนต่อไป (next step) คาดว่าคงจะเข้าสู่ขบวนการถอดถอน และมีการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ดีทางการเกาหลีใต้ได้แสดงความพร้อมในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบและดูแลตลาดหุ้นเกาหลีใต้อย่างเต็มที่
ทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น เพื่อให้มีเสถียรภาพ รวมไปถึงการดูแลตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ที่หากเห็นวอนเกาหลีออนค่ามากอาจเห็นธนาคารกลางขายดอลลาร์ออกมา เพื่อดูแลเงินวอนไม่ให้อ่อนค่าเกินไป ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นน่าจะเป็น noise หรือรบกวนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับลดลงไม่มากนัก เนื่องจากดัชนี KOSPI ปรับลดลงมากมากแล้วจากกรณีราคาหุ้นซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) ในช่วงที่ผ่านมา บวกกับ P/E ตลาดหุ้นก็ต่ำแล้วอยู่ที่ประมาณ 8 เท่าเท่านั้น ดังนั้น ดาวน์ไซด์ KOSPI น่าจะมีไม่มากแล้ว
สำหรับคำแนะนำและกลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้ของบลจ.ทิสโก้ คือ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางยังแนะนำร้อยละ 50 ของพอร์ตลงทุนในตราสารหนี้ เพราะอัตราผลตอบแทนยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และยังลงทุนได้อยู่ ส่วนอีกร้อยละ 20 ยังคงแนะนำให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ยังคงครองเป็นอันดับหนึ่งของตลาดหุ้นโลก เน้นที่หุ้นคุณภาพในตลาดหุ้น S&P 500 ส่วนอีกร้อยละ 10 แนะนำให้แบ่งลงทุนในตลาดหุ้นตลาดเกิดใหม่ ( Emerging Market หรือ EM) ที่ไม่รวมจีน และอีกร้อยละ 10 ลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ยังแนะนำให้ลงทุนอยู่ ส่วนอีกร้อยละ 10 ให้แบ่งกลับไปลงทุนบางส่วนในทองคำที่เริ่มเห็นปนับตัวลงมาบ้างแล้ว
ข่าวแนะนำ