TNN BBL ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย เชื่อสินเชื่อในต่างประเทศยังหนุนรายได้

TNN

รายการ TNN

BBL ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย เชื่อสินเชื่อในต่างประเทศยังหนุนรายได้

ธนาคารกรุงเทพมอง 3 ปัจจัยเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจไทย แต่เชื่อว่ารายได้สินเชื่อยังโตได้ดี จากสินเชื่อธุรกิจที่ต้องการเงินทุนเพื่อการปรับตัว และสินเชื่อในต่างประเทศโตอย่างมีนัยสำคัญ หนุนรายได้และกำไรช่วยให้จ่ายปันผลได้ไม่น้อยกว่า 7 บาท/หุ้น

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงในอนาคตใน 3 ด้าน คือ 1) จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยเฉพาะสหรัฐและจีน ซึ่งการเลือกตั้งสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.นี้ จะเป็นตัวกำหนดนโยบายต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกด้วย ยังต้องจับตา


 2) เศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงต่อเนื่อง อาจฉุดรั้งการเติบโตของไทยและภูมิภาคด้วย เนื่องจากภูมิภาคนี้พึ่งพาเศรษฐกิจจีนมาก สะท้อนจากการนำเข้าของจีนต่ำลงมากอยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.3 เพราะกำลังซื้อไม่มี ซึ่งทำให้ไทยต้องปรับตัวเพื่อหาพันธมิตรในหลายทิศทาง อาทิ กลุ่ม BRICS เพราะส่งออกในตลาดเดิมอย่างจีนที่ทำซื้อลดลงทำได้ยากแล้ว 


 และ 3) ระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้กำลังซื้อจากในประเทศไทยเองก็ต่ำ การกู้เพื่อมาขยายกำลังซื้อจะทำได้จำกัดมากขึ้น  เพราะหนี้ครัวเรือนต่อ GDP สูง ทำให้ครัวเรือนไทยก่อหนี้มาใช้จ่ายได้ไม่มาก ทำให้เศรษฐกิจขาดกำลังซื้อที่จะมาขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ 


อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 3 เล็กน้อย แต่มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจน่าจะพ้นดงหนามแล้ว โดยการส่งออกยังไปได้ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศก็น่าจะใกล้เป้าหมายประมาณ 36 ล้านคน ทำให้สินเชื่อที่อิงกับเศรษฐกิจไทยจะโตได้ประมาณร้อยละ 3-4 เพราะตามปกติสินเชื่อจะโตราว 1.5 เท่าขอ GDP หรืออัตราการขยายตัวทางทางเศรษฐกิจ 


แต่ถึงเศรฐกิจจะเติบโตต่ำ ทำให้สินเชื่อในประเทศอาจขยายตัวได้ต่ำลง แต่สินเชื่อธุรกิจที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคารยังขยายตัวได้ บวกกับยังบริหารจัดการหนี้เสียได้ ต่างจากสินเชื่อรายย่อย ที่ปล่อยกู้ได้ไม่มากจากระดับหนี้ที่สูง โดยบริษัทในกลุมธุรกิจในแต่ภาคอุตสาหกรรมยังต้องการสินเชื่อเพื่อนำไปปรับปรุงธรุกิจให้ก้าวไปกับเทรนด์อนาคต เช่น ปรับปรุงโรงงานที่มีเทคโนโลยีเก่าให้มีเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีทีทันสมัยขึ้น  


นอกจากนี้ การขยายสินเชื่อในต่างประเทศตามกลยุทธ์การทำธุรกิจในระดับภูมิภาค ( Regionalization) ผ่านการขยายสาขาไปในต่างประเทศ และการเข้าไปถือหุ้นในธนาคารต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตสูง อย่างเวียดนามหรืออินโดนีเซีย อาทิ การเข้าซื้อหุ้นในธนาคารเพอร์มาตา ที่สินเชื่อน่าจะเติบโตได้มากกว่าร้อยละ 10 จากเศรษฐกิจอินโดนีเซียที่เติบโตราวร้อยละ 7 เป็นต้น  


ดังนั้น จึงสินเชื่อในต่างประเทศจะเป็นปัจจัยสำคัญในการหนุนการเติบโตของสินเชื่อ และเชื่อว่าจะหนุนรายได้และกำไรของธนาคารในปีนี้ให้เติบโตได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้ในต่างประเทศจะขยายตัวราวร้อยละ 25 ของรายได้รวม  


ทั้งนี้ จากผลประกอบการปี 67 ที่ยังเติบโตเพิ่มขึ้น และขยายตัวได้ดีขึ้นในปีถัดไป จึงคาดว่าธนาคารจะเตรียมพิจารณาการจ่ายปันผลในปีหน้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 7 บาท จากปีนี้ที่จ่าย 7 บาท โดยพยายามรักษาการจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง


ข่าวแนะนำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง