ชี้เป้ากลุ่มหุ้นรับประโยชน์ ดอกเบี้ยเฟดขาลงรอบใหญ่
บลจ.ทิสโก้ชี้เฟดลดดอกเบี้ยหนุนเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะเอเชีย แนะหุ้นเทคโนโลยี หุ้นกลาง-เล็ก ของสหรัฐเด่น
นายกันติพัฒน์ วงศ์สุคนธ์ Head of Wealth Advisory บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ล่าสุดตลาดให้น้ำหนักการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) คืนนี้ น่าจลดลงที่ร้อยละ 0.5 จากเดิมที่เคยมองว่าจะลดที่ร้อยละ 0.25 ปัจจัยหลักดูเหมือนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะให้น้ำหนักประเด็นเรื่องการจ้างงาน ที่มีความเสี่ยงด้านอัตราว่างงาน
ทั้งนี้ หากดูการปรับลดดอกเบี้ย 9 ครั้ง ตั้งแต่ ปี 1990 - 2020 ซึ่งพบ 4 ใน 9 ครั้งที่ เศรษฐกิจชะลอตัว (recession) แต่หากสหรัฐฯ ไม่เจอ recession ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักจะปรับขึ้นได้ดีในช่วง 1 ปีข้างหน้า ยกเว้นในปีที่มี recession ในปี 1990 (ที่มีสงคราม อิรัก vs คุเวต) ปี 2001 (Dot Com) , ปี 2008 (Financial Crisis) และ ปี 2020 (COVID) ตลาดจะมีความเสี่ยงปรับลง โดยคงต้องดูสัญญาณจาก นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่คาดว่าน่าจะส่งสัญญาณเศรษฐกิจค่อยๆ ชะลอตัว (Soft Landing) ได้
สำหรับประเด็นที่นักลงทุนควรติดตามและควรเน้น (focus) คือ ภาพใหญ่ในช่วงดอกเบี้ยขาลงในท้ายที่สุดที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกจากดอกเบี้ยขาลงรอบใหญ่ ส่วนตลาดหุ้นไหนน่าสนใจบ้างนั้น หากดูตามกลุ่ม (sector) ใน ช่วงนี้กลุ่มที่จะเด่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเป็นกลุ่มที่เป็น defensive (ระมัดระวัง) คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (Consumer Staple) , กลุ่มสาธารณูปโภค (Utilities ) , กลุ่มสุขภาพ (Health Care)
ขณะที่ตลาดหุ้นในส่วนของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market : EM ) และตลาดหุ้นกลุ่ม Emerging Market ในแถบเอเชียใต้น่าจะปรับตัวได้ดีกว่า และเชื่อว่าจะยังมีเงินลงทุนจากต่างประเทศ ( fund flow) ไหลเข้ามาตลอดในช่วง ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า สะท้อนได้จากเงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว และตลาดหุ้นไทยก็ถือว่าน่าสนใจ จากภาพเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวหลังมีรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นเวียดนาม
อย่างไรก็ดี หากลงทุนที่อิงภาพดอกเบี้ยในขาลงรอบใหญ่ มองว่าสุดท้ายกลุ่มได้ประโยชน์ในระยะต่อไป คือ กลุ่มเทคโลโลยี (Tech) , หุ้นขนาดกลาง -เล็ก และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) แต่ถ้าจะให้หุ้นในกลุ่มขนาดกลางและเล็กจะปรับขึ้นได้ดี ตลาดต้องเชื่อมั่นเศรษฐกิจสหรัฐว่าจะไม่ recession
ส่วนกลยุทธ์ในการจัดพอร์ตและการลงทุน บลจ.ทิสโก้ แนะนำให้น้ำหนักที่ร้อยละ 50 ในตลาดหุ้นสหรัฐกลุ่มเทค ,ร้อยละ 10 ลงทุนหุ้นไทย ,ร้อยละ 10 ลงทุนหุ้นเวียดนาม ,ร้อยละ 10 ลงทุนในกลุ่ม REIT และอีกร้อยละ 20 ลงทุนในหุ้นคุณภาพ และกลุ่ม defensive
ข่าวแนะนำ