TNN KUN ย้ายเข้า SET ปั๊มรายได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี

TNN

รายการ TNN

KUN ย้ายเข้า SET ปั๊มรายได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี

KUN ย้ายเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) วันแรก 11 ก.ย.67 นี้ มุ่งโตแบบยั่งยืน มั่นใจสิ้นปี 67 รายได้เข้าเป้า 820 ล้านบาท กางแผนธุรกิจระยะยาว (Road Map) 5 ปี ดันรายได้แตะ 1,000 ล้านบาทต่อปี

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. วิลล่า คุณาลัย หรือ KUN  กล่าวว่า หุ้น KUN จะย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายใน SET ตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.นี้ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ซึ่งการที่คุณสมบัติที่ผ่านเกณฑ์สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโต และผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการย้ายเข้า SET เป็นการเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มเสถียรภาพของบริษัทฯ ช่วยลดข้อจำกัดในการเข้าลงทุนของกลุ่มกองทุน นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ


ทั้งนี้ แผนธุรกิจกว่า 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบตามแผนยุทธศาสตร์ป่าล้อมเมืองรอบกรุงเทพมหานคร และสามารถเพิ่มสินค้าจากระดับราคา 2-5 ล้านบาทไปสู่ 2-15 ล้านบาทตามแผนที่ตั้งไว้ สามารถสร้างแบรนด์ใหม่ ภายใต้ "นาวาร่า ในการขยายตลาดที่อยู่อาศัยสู่ระดับ High-End 


และ Road Map ในช่วงต่อไปปี 66-70 หลังย้ายกระดานเทรดจากตลาด mai สู่ SET แล้ว บริษัทจะสร้างอัตราการเติบโตของรายได้ให้โตขึ้นเป็นเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยล่าสุดในไตรมาส 2/67 ที่มียอดขาย 541 ล้านบาท


โดยภาพรวมธุรกิจในปี 67 บริษัทคาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 800 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10-15 จากปีก่อน เนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะทยอยรับรู้รายได้ของบ้านกลุ่ม "นาวาร่า" ประกอบกับในช่วงครึ่งปีแรก ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2567 บริษัททำรายได้ไปแล้วประมาณ 300 ล้านบาท และมี Backlog ประมาณ 240 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังทั้งหมด ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการปีนี้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยปีนี้วางเป้ารายได้ไว้ที่ 820 ล้านบาท 


และปี 68 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งแผนในปี 68 จะไม่ได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติม เนื่องจากลงทุนซื้อที่ดินขนาดใหญ่ไปก่อนหน้านี้แล้ว ที่จะรองรับการพัฒนา 9 โครงการ ซึ่งเปิดแล้ว 2 โครงการ เหลืออีก 7 โครงการ ที่สามารถพัฒนาโครงการได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งตามแผนที่วางไว้จะเปิดโครงการใหม่มูลค่า 14,000 ล้านบาท


นอกจากนี้ บริษัทมีแผนในการร่วมมือกับกับพันธมิตรพัฒนาโครงการบ้านผู้สูงอายุ รับเทรนด์สังคมผู้สูงวัย ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา และพูดคุยกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาในปี 2571 โดยที่บริษัทมีที่ดินในมือเป็นจำนวนมาก คาดว่าจะใช้สร้างบ้านผู้สูงอายุแปลงละ 3-5 ไร่


สำหรับในช่วงไตรมาส 4/67 ต่อเนื่องไปที่ไตรมาส 1/68 จะเป็นช่วงที่ไฮซีซันของการซื้อบ้าน เนื่องจากใกล้สิ้นปีมีการสร้างครอบครัวใหม่ จัดงานแต่งงาน มีการย้ายงาน ได้รับโบนัส ทำให้มีความมั่นใจในการซื้อบ้านของลูกค้ามากขึ้น ประกอบกับความคาดหวังในการที่ภาครัฐจะมีการขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ทำให้ผู้ที่ติองการซื้อบ้านมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมกับคาดหวังจะเห็นการที่ปลดล็อกเกณฑ์ LTV ทำให้ผู้ซื้อมีความสามารถในการกู้มากขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันเผชิญกับความท้าทายของการขอสินเชื่อที่ยังมีปัญหาด้านเครดิตของผู้ซื้อ ทำให้มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่สูง

ข่าวแนะนำ