หุ้นไทยพุ่ง 1,400 จุด วายุภักษ์ประเดิมซื้อ 1 ต.ค.นี้

การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 ก.ย.) ถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศ เนื่องจากมีปัจจัยหนุนภายในประเทศ คือ ได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ที่จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย. นี้และประชุมครม.ในวันเสาร์ที่ 7 ก.ย.นี้ ก่อนจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 11 หรือ 12 ก.ย.นี้ และในวันที่ 16 ก.ย. นายกรัฐมนตรี จะเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเดินหน้าร่างนโยบายระยะเร่งด่วนเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ดิจิทัลวอลเล็ต ยกระดับราคาสินค้าเกษตร เตรียมงบกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3 แสนล้านบาท หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (5 ก.ย.) ที่ปรับขึ้นมากกว่า 30 จุด ส่วนหนึ่งเป็นผลการตอบรับของตลาดหุ้นมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น  และหลายประเด็นที่เป็นปัจจัยเกี่ยวข้องกัน

หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินว่า นอกจากนี้ หุ้นไทยยังได้ปัจจัยบวกจากกองทุนวายุภักษ์ ที่จะประเดิมซื้อ 1 ต.ค.นี้ คาดเงินทะลัก 1.5 แสนล้านบาท  ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนดังกล่าว  โดยล่าสุดดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปิดปรับตัวขึ้นที่ร้อยละ 2.84 หรือ 39.79 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,404.28 จุด แข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคพร้อม ปริมาณการซื้อขายหนาแน่น 81,736.15 ล้านบาท โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม ESG rating AAA  

ตลาดรอติดตามกระทรวงการคลังจะเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง หรือ VAYU1 ให้แก่นักลงทุนทั่วไป ช่วงระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน 2567 ส่วนนักลงทุนสถาบัน เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 18-20 กันยายน 2567 โดยกองทุนวายุภักษ์จะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่จะเข้ามาสนับสนุนตลาดหุ้น นอกจากนี้กองทุนฯ จะมีกลไกคุ้มครองเงินลงทุนของหน่วยลงทุนประเภท ก. โดยจะมีสิทธิได้รับชำระคืนเงินลงทุนตามแนวทางการชำระคืนเงินลงทุนที่มีลักษณะเป็นน้ำ 

ขณะที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงเกณฑ์ เพื่อรองรับการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ถึง 13 ก.ย. นี้ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้รองรับการจดทะเบียนและการซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม (Mutual Funds) ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์แก่ผู้ลงทุน

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับขึ้นเป็นไปตามบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียที่ดูสดใส เป็นการรีบาวด์หลังจากวานนี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก และตอบรับความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงมีแรงเก็งกำไรเข้ามาก่อนกองทุนวายุภักษ์เปิดขาย ซึ่งมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนแล้ว 

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเป็นแรงหนุนต่อการลงทุนวันนี้ด้วย ล่าสุดเย็นวันนี้ (5 ก.ย.) เงินบาทแข็งค่ามาที่ 33.64 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมาราวร้อยละ 1 จากวันก่อนหน้า  

ด้านหลักทรัพย์เอเซียพลัส ระบุว่า การเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง คาดจะมีเม็ดเงินช่วง PRE-OPEN เข้ามาก่อนคาดเป็นช่วงต้นเดือน ต.ค. และทยอยเข้ามาเพิ่มเติมเรื่อยๆ ซึ่งคาดหวังเม็ดเงินจะขยับขึ้นไปอยู่ระดับ 1.5 แสนล้านบาท เข้ามาช่วยปกป้องและพยุงตลาดหุ้นไทยในช่วงต่อจากนี้

ซึ่งกลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นที่น่าจะเป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์ โดยคัดกรองจากหุ้น ที่วายุภักษ์ถือเยอะ และมี ESG RATING “AAA” ประโยชน์ จาก 2 ประเด็น คือ PTT,BCP, KTB, ADVANC, SCC, KBANK, CRC, CPF, SCGP, OR

ส่วนหลักทรัพย์กรุงศรี ประเมินผลบวกจากกองทุนวายุภักษ์จะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยอิงผลศึกษาในอดีต รอบเศรษฐกิจคล้ายปัจจุบันปี 2012-2013 ที่ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท จะเป็นบวกต่อ SET ได้ราว 20 จุดบวก/ลบ ซึ่งมองว่าจะหนุนหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักเด่น ได้แก่ AOT, PTT, KTB, CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, ADVANC, GULF