OSP ขายธุรกิจแก้วในเมียนมามุ่งธุรกิจหลัก
OSP แจ้งขายธุรกิจแก้วในประเทศเมียนมาหลังมุ่งขยายการเติบโตในธุรกิจหลัก โบรกฯ คาดดีลนี้จะบันทึกขาดทุนประมาณ 700-800 ล้านบาทในไตรมาส 3/67 แต่ระยะยาวยังมองเติบโตได้
บมจ.โอสถสภา (OSP) เตรียมขายเงินลงทุนใน MGE Group คือ บริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น อีเกิ้ล จำกัด (MGE) และบริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น กลาส จำกัด (MGG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าที่บริษัทย่อยของ OSP ถือหุ้นร้อยละ 35 และร้อยละ 51.84 ตามลำดับ โดย MGE Group ดำเนินธุรกิจให้บริการผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้ว (OEM) ในประเทศเมียนมา โดยขายให้บริษัท Marlarmyaing Public Company Limited มูลค่ารายการ ประมาณ 50,000 ล้านเมียนมาร์จัต
ทั้งนี้ ให้บริษัทย่อยเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อนในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 โดยจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขผูกพันภายใต้สัญญาดังกล่าว รวมทั้งการรับชำระเงินเพื่อให้ธุรกรรมมีผลเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในปี 2567 ปัจจุบันเงินลงทุนดังกล่าวมีมูลค่าเงินลงทุนคงเหลือประมาณ 136 ล้านบาท และบริษัทย่อยที่ OSP ถือหุ้นทั้งหมด มีภาระค้ำประกันเงินกู้ให้ MGE Group เป็นจำนวนประมาณ 35.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 15,558 ล้านเมียนมาจัต
โดยเงื่อนไขบังคับก่อนที่สำคัญก่อนทำกรายการ คือ 1. MGE Group จะไม่มีภาระผูกพันจากการกู้ยืม (Debt-free) ณ วันโอนหุ้น // และ 2. การจำหน่ายได้รับอนุมัติจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการขายหุ้นใน MGE Group ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์การปรับโครงสร้างทางธุรกิจที่มุ่งสร้างความแข็งแรงและขยายการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก (Core businesses) ควบคู่กับการพิจารณาผลการดำเนินงาน และการขายเงินลงทุนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก รวมถึงธุรกิจที่บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นน้อยหรือไม่มีอำนาจควบคุม ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศเมียนมา และการดำเนินงานของธุรกิจหลักของ OSP แต่อย่างใด โดย OSP ยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้และเพิ่มอัตรากำไรจากธุรกิจหลักตามเป้าหมายการเติบโตในระยะ 5 ปี
ด้าน หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ระบุ ในบทวิเคราะห์ว่า การที่ OSP เตรียมขายเงินลงทุนในธุรกิจแก้วที่เมียนมา ระยะสั้นอาจรับรู้ขาดทุนราว 700-800 ล้านบาทเข้ามาในไตรมาส 3/67 ส่วนธุรกิจหลักอย่างโรงงานผลิตเครื่องดื่มในเมียนมา ซึ่งสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทได้ดียังอยู่และดำเนินงานปกติ
ส่วนระยะยาวในปี 68 ยังมองบวก หลังขายธุรกิจที่เป็น Non-core business และไม่ทำกำไรออกไป คาดกำไรสุทธิปี 67 อาจเหลือเพียง 2.1 พันล้านบาท กลายเป็นติดลบร้อยละ 13 เทียบปีก่อน ส่วนกำไรปกติปีนี้ยังคาดไว้ตามเดิมที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มร้อยละ 36 ซึ่งยังคงเป้า 28 บาท/หุ้น แนะนำ "ซื้อ" รอการฟื้นตัวปีหน้า
ล่าสุด ราคาหุ้น OSP ปิดตลาดวันที่ 2 ก.ย.2567 ที่ระดับ 20.90 บาท/หุ้น ปรับลดลง 1.50 บาท/หุ้น หรือร้อยละ 6.70 ตอบรับคาดการณ์การบันทึกขาดทุนระยะสั้นในไตรมาส 3 ปีนี้
ข่าวแนะนำ