PCE - จ้างงานสหรัฐ จุดชี้ทิศทองคำ ลุ้นทะลุ 2,531 ดอลลาร์

นายพีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์  นักวิเคราะห์การลงทุนอาวุโส บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้ามองว่ายังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่  แต่ราคาทองคำโลกยังอยู่ระหว่างการเลือกทิศทางที่ชัดเจน โดยตลาดรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐเพื่อดูแนวโน้มดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) 17-18 ก.ย.นี้ ที่ตลาดคาดว่าจะลดลงชัดเจนครั้งแรกในรอบ 2 ปี 

โดยต้องจับตาข้อมูล ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ (30 ส.ค.)  รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 6 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.หรือไม่ 

หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ประจำไตรมาส 2/2567 ขยายตัวร้อยละ 3.0 สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับร้อยละ 2.8 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับร้อยละ 2.8 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน ตลาดก็เริ่มกังวลว่าดอกเบี้ยเฟดจะปรับลดได้น้อยลง 

เพราะหาก PCE คืนนี้ออกมาสูงกว่าคาด ก็แสดงว่าเงินเฟ้อสูง ซึ่งอาจทำให้ดอกเบี้ยเฟดลดลงได้น้อย และจะทำให้ดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าและอัตราผลตอบแทนจากการถือครองพันธบัตร (Bond Yield) สหรัฐอาจปรับสูงขึ้นได้ ซึ่งภาพเช่นนี้จะเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ราคาทองคำย่อลงมาได้ แต่ในทางกลับกันหาก PCE ออกมาต่ำก็จะไปเร่งให้วัฏจักรดอกเบี้ยเฟดลดได้เร็วขึ้น ราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปที่ 2,530 ดอลลาร์/ออนซ์ เพื่อไปทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ได้ไม่อยาก จากไฮเดิมที่ 2,531 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งปัจจุบันยังทะลุไม่ได้ 

นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้แรงหนุนขาขึ้น จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงความต้องการซื้อทองคำของธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ยังสะสมทองคำ โดยในครึ่งแรกปี 2567 มีแรงซื้อสุทธิรวมกันแล้วที่ 483 ตัน ซึ่งเป็นการซื้อสูงเป็นประวัติการณ์

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในจังหวะนี้ ทองคำโลกต้องฝ่านิวไฮเดิมที่ 2,531 ดอลลาร์/ออนซ์ ให้ได้ก่อนจะสร้างขาขึ้นรอบใหม่ ดังนั้น ควรรอดูตัวเลขที่ตลาดการณ์ก่อน ถ้าตัวเลข PCE และตัวเลขแรงงานออกมาสูงกว่าคาด ทองอาจปรับลงไปที่ 2,505 ดอลลาร์/ออนซ์ ถ้ารับไม่อยู่อาจเห็นราคาทองพักฐานไปที่ 2,485 - 2,467 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นโอกาสเก็บทองรอบใหม่ในช่วงที่ไม่ผ่านไฮเดิม ส่วนแนวต้านทองโลกหากผ่านไฮเดิมที่  2,531 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ก็มีโอกาสเห็นระดับ 2,600 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนราคาทองในประเทศยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าทำให้มองว่ายังไม่สามารถขึ้นไปสูงได้มากนัก จึงไม่คิดว่าจะขึ้นไปสูงกว่าระดับ 41,000 บาท/บาททองคำได้ จึงมองแนวรับทองไทยในระดับ 40,000 บาท สำหรับกลยุทธ์การลงทุนสามารถเก็งกำไรเล่นรอบได้ ถ้าราคาย่อตามกรอบก็เก็บได้