TNN ทองราคาลงผันผวนช่วงสั้น แนะแบ่งขายก่อน รอรับ 2,470 ดอลลาร์

TNN

รายการ TNN

ทองราคาลงผันผวนช่วงสั้น แนะแบ่งขายก่อน รอรับ 2,470 ดอลลาร์

YLG และ MTS Gold ประเมินทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกและราคาทองคำในประเทศ มอง 4 ปัจจัยที่ต้องจับตาใกล้ชิด คาดแนวต้าน 2,510-2,532 และแนวรับ 2,470ดอลลาร์/ออนซ์

นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทวายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด (YLG) เปิดเผยว่า แม้ราคาเมื่อวันอังคารที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่ระดับ 2,532 ดอลลาร์/ออนซ์ และหลังจากนั้นราคาก็ผันผวนและปรับลง ล่าสุดในวันศุกร์ที่ 23 ส.ค.นี้ปรับลดลงที่ระดับ 2,470 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามการขายทำกำไร และปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง รอผลการประชุมสัมมนานโยบายเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ ประชุมแจ็กสัน โฮล (Jackson Hole) ในคืนวันที่ 23 ส.ค.นี้เวลาประมาณ 21.00 น. ตามเวลาไทย เพื่อดูสัญญาณการลดดอกเบี้ยของเฟด


เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ หรือลดลงอัตรามากน้อยแค่ไหน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) กลับมาปรับขึ้นอีกครั้ง จากเดิมที่ทยอยปรับลดลงตามทิศทางดอกเบี้ยเฟดที่มีแนวโน้มลดลงในเดือนก.ย.นี้ 


ทั้งนี้ นักลงทุนมีมุมมองที่ต่างกัน บางกลุ่มเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นไปรับข่าวดอกเบี้ยเฟดที่จะปรับลดลงในเดือนก.ย.นี้แล้ว แต่นักลงทุนอีกฝั่งเชื่อว่าราคมทองคำรับข่าวไปแล้ว 


นายวรุต เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้ มี 4 ปัจจัย คือ 1)ประชุมแจ็กสัน โฮล 2)ความตรึงเครียดระหว่างประเทศระหว่างรัซเซีย-ยูเครน ส่วนในตะวันออกกลางคาดจะเจรจากันได้ 3) การแครี่เทรด” เงินเยนญี่ปุ่น" หรือ การกู้เงินในแหล่งที่มีดอกเบี้ยต่ำมาลงทุนในแหล่งที่มีดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่สูงกว่า หลังนายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นไปตามคาดในวันนี้ (23 ส.ค.) และ 4) การเปิดเผยตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในระยะถัดไป ที่สะท้อนทิศทางดอกเบี้ยเฟด


โดยกลยุทธ์การลงทุน YLG แนะนำให้แบ่งขายทำกำไรออกไปบางส่วนก่อน หากมีกำไร เพื่อปรับพอร์ตรอข่าวความหน้าในประเด็นต่างๆ เนื่องจากมองว่าราคาทองคำยังรีบาวด์ได้จำกัด โดยคาดแนวต้านที่ระดับ 2,510-2,532 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวรับที่ 2,470 ดอลลาร์/ออนซ์ 


ด้านบริษัทเอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ( MTS Gold) ระบุถึงปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นมาทำจุดสุงสุดใหม่ในรอบปี ที่ราคา  2,531 ดอลลาร์/ออนซ์ คาดว่ามาจากปัจจัยเรื่องของสงครามที่มีความตรึงเครียดรัซเซีย-ยูเครน ซึ่งทางด้านปูตินขู่ว่าจะทำสงครามโต้กลับ ,การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งตลาดรับรู้มานานแล้ว ซึ่งนับจากนี้ถึงสิ้นปีคากจะลดลงร้อยละ 0.75 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. หลังเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่าระดับ ร้อยละ 3 และดัชนีเงินดอลลาร์อ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ที่ระดับ 100.92 จุดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม2567 ที่ผ่านมา  


ส่วนในด้านราคาทองคำไทยยังคงไม่ทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากยังคงโดนกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าแตะระดับ 34.50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ราคาทองของไทย ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 40,400-40,900 บาท 


อย่างไรก็ดี หากความตรึงเครียดสงบ มีการเจรจามายุติ อาจจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงได้ และตลาดยังคงจับตาดูความชัดเจนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะดูว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยมากน้อยเพียงใด


อย่างไรก็ดี ในช่วงท้ายปียังคงเชื่อว่าราคาทองตลาดโลก จะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นที่เป้าหมาย  2,600-2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองคำไทย ยังคงต้องจับตาดูค่าเงินบาทอีกที เนื่องจากความแข็งค่ากดดันทองไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ 42,500-43,500 บาทต่อบาททองคำ 


ทั้งนี้ Gold spot มีแนวรับระยะสั้นที่ 2,450 ดอลลาร์/ออนซ์ ระยะกลาง ที่ 2,400 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ ทองไทย มองแนวรับระยะสั้นที่ 40,500 บาท ส่วนระยะกลางมองที่ 40,000 บาท ทั้งนี้ MTS Gold มองว่านักลงทุนสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทองคำเป็นร้อยละ 20-30 ของพอร์ตการลงทุน

ข่าวแนะนำ