ฤดูท่องเที่ยว เฟดลดดอกเบี้ย หนุนบาทแข็งค่าปลายปี 67
Krungthai GLOBAL MARKETS ชี้เงินบาทในช่วงปลายนี้มีโอกาสแข็งค่าที่ระดับ 34 บาท/ดอลลาร์ สอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินในเอเชีย คลายกังวลสหรัฐถดถอย เฟดเตรียมลดดอกเบี้ยก.ย.นี้
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ "TNN รู้ทันลงทุน" ว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นช่วงนี้นอกจากจะผ่อนคลายจากความกังวลกรเมืองแล้ว และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากราคาทองคำขึ้น ทำให้นักลงทุนทองคำมีการขายทำกำไร (ขายดอลลาร์ออกมาถือเงินบาท) ทำให้เงินบาทแข็งค่าแตะระดับ 34 บาทต้นๆ ต่อดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ประมาณ 34.59 บาทต่อดอลลาร์
ขณะที่ ปัจจัยในประเทศตลาดจะคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะสุญญากาศทางการเมืองหลังจากสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ คุณแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 บวกกับในช่วงปลายปีประเทศไทยมักมีเงินไหลเข้าจากฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) จึงหนุนเงินบาทให้อยู่ในทิศทางแข็งค่า โดยเช้านี้ (19 ส.ค.) เงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 34.59 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ก่อนสิ้นปีเงินบาทอาจมีโอกาสกลับมาอ่อนค่าลงมาที่ระดับ 35-36 บาทต่อดอลลาร์ได้ช่วงเดือนพ.ย.ปีนี้ ที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งสภาพคล่องจะไหลเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์อาจจะกลับมาแข็งค่าขึ้น แม้ช่วงนี้ดอลลาร์จะอยู่ทิศทางอ่อนค่าจากแนวโน้มที่ เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามประเด็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่ารัฐบาลใหม่จะดำเนินการต่อหรือไม่ ซึ่งหากรัฐบาลใหม่ไม่ทำดิจิทัลวอลเล็ต ตลาดเก็งกันว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ซึ่งอาจหนุนให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้
สำหรับช่วงที่เงินบาทแข็งค่าจะมีโอกาสที่เงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้ามาลงทุนหรือไม่นั้น นักลงทุนต้องติดตามดูสัญญาณจากการเข้ามาซื้อลงทุนสุทธิในตลาดหุ้นไทย ว่าหากไม่ลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้วจะเปลี่ยนกลุ่มไปลงทุนในกลุ่มไหนบ้าง เพราะปัจจุบันตลาดหุ้นไทยปรับลดลงมายังน่าลงทุนหากพิจารณาในแง่การประเมินมูลค่าหุ้น (Valuation) เนื่องจากในส่วนของตราสารหนี้ระยะสั้นฟันด์โฟลว์ยังขายต่อเนื่อง แต่เข้ามาซื้อสุทธิตราสารหนี้ระยะยาวของไทย
ทั้งนี้ เงินบาทที่แข็งค่าสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าขึ้นในวันนี้ (19 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ รวมทั้งขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศในเอเชียเริ่มฟื้นตัว ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราเอเชีย
ดัชนี Bloomberg Asia Dollar Index ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งถึงร้อยละ 0.6 ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนม.ค. ปีนี้ โดยเงินวอนของเกาหลีใต้และเงินริงกิตของมาเลเซียแข็งค่าขึ้นนำตลาด โดยนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าลงเหลือร้อยละ 20 จากเดิมที่ระดับร้อยละ 25 นอกจากนี้ ยังเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนก.ย.นี้
ข่าวแนะนำ