หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ดีดขึ้น หวังมาตรการกระตุ้นหนุน

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์วันนี้ (15 ส.ค.) ปรับขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ตามภาพตลาดหุ้นไทยที่เขียวรับความกังวลการเมืองผ่อนคลาย ปิดตลาดหุ้น SC บวกร้อยละร้อยละ 1.63 บวกย่อลงจากช่วงบ่ายที่บวกร้อยละ 3.25 ,SPALI บวกร้อยละ 3.14 ,SIRI บวกร้อยละ 3.90,  PSH บวกร้อยละ 1.78, ANAN บวกร้อยละ 3.77,  AP บวกร้อยละ 2.61 , LH บวกร้อยละ 2.97, LPN บวกร้อยละ1.37, NOBLE บวกร้อยละ 1.27 , ORI บวกร้อยละ 0.48 เป็นต้น ขณะที่หุ้น ASW และ SENA ราคายังไม่เปลี่ยน 

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ประเมินว่า การปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาฯ วันนี้ น่าจะเป็นจากชื่อของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คุณแพทองธาร ชินวัตร มาจากภาคธุรกิจอสังหาฯ เมื่อราคาหุ้นที่ถือปรับขึ้นก็ทำให้หุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่มปรับขึ้นด้วย เพราะส่วนหนึ่งตลาดยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นในภาคอสังหาฯ มาต่อเนื่อง หลังที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการใหญ่ๆ ออกมาดูแลภาคอสังหาฯ เช่น มาตรการ LTV  (อัตราส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน) การลดภาษีจดทะเบียนต่างๆ  ขณะที่ราคาหุ้นก็ยัง Laggard  หรือ ยังปรับขึ้นไม่มากจากที่ปรับลดลงไปค่อนข้างมาก จากกำลังซื้อที่อ่อนแอ ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง นอกจากนี้ ตลาดยังคาดหวังว่าหากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ก็จะหนุนให้กำลังซื้อกลับมาได้บ้างในไตรมาส 4 ปีนี้ จากที่กำลังซื้อชะลอการซื้อไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไก็ดี มองว่าในครึ่งหลังของปีนี้ ปัจจัยพื้นฐานในภาคอสังหาฯ ยังไม่เปลี่ยนแปลง 

ด้าน SPALI ได้มาให้ข้อมูลบริษัทในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opp Day) ระบุว่า บริษัทยังมั่นใจในผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก โดยระบุว่าในไตรมาส 3/67 ยอดโอนดีสุดของปี หลังตุน Backlog หรือยอดโอนรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 1.64 หมื่นล้านบาท และยังเดินหน้าเปิด 20 โครงการใหม่ครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 2.8 หมื่นล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะหนุนยอดขายและรายได้ทั้งปีได้ที่ 3.6 หมื่นล้านบาทตามเป้า และบริษัทยังเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มเห็นสัญญาญซื้อที่ดีขึ้น

ด้าน นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า บริษัทจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินหุ้นกู้ครบตามกำหนด โดยชำระคืนหุ้นกู้ปี 67 เต็มจำนวน  ทั้ง 2 รอบ รวมมูลค่า 7,057 ล้านบาท โดยชำระรอบแรกเมื่อ 15 ม.ค. 67 มูลค่า 3,826 ล้านบาท ,ชำระรอบที่สองเมื่อ 15 ก.ค. 67 มูลค่า 3,231 ล้านบาท และบริษัทยังประกาศปิดการขายหมดทั้งจำนวน (Sold Out) โครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 13,904 ล้านบาท  

ทั้งนี้ ตลาดยังจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ การพิจารณาทบทวนการกำหนดระยะเวลาของทรัพย์อิงสิทธิตามพระราชบัญญัติทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ.2562 โดยกำหนดให้ทรัพย์อิงสิทธิมีกำหนดเวลาได้ไม่เกิน 99 ปี หรือ การพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้สิทธิคนต่างด้าว ให้สามารถถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด จากเดิมไม่เกินร้อยละ 49 เป็นไม่เกินร้อยละ 75