เยนอ่อนหนัก นักท่องเที่ยวล้นปลุกญี่ปุ่นรับมือ | เศรษฐกิจ insight

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (JNTO) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ญี่ปุ่นต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำสถิติใหม่ที่ 17.78 ล้านคน มากกว่าสถิติเดิมราว 1 ล้านคน ซึ่งเคยทำไว้ที่ 16.63 ล้านคน ในช่วงเดียวกันของปี 2562 ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตโควิดทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องปิดพรมแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาด // เฉพาะในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไปเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ที่ 3.14 ล้านคน นับเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันที่ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 3 ล้านคน

เมื่อแยกย่อยพบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้เดินทางเยือนญี่ปุ่นมากสุด 4.44 ล้านคน ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ นักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ราว 3.07 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตามด้วยอันดับ 3 นักท่องเที่ยวจากไต้หวัน 2.98 ล้านคน // อันดับ 4 นักท่องเที่ยวอเมริกัน 1.34 ล้านคน // และอันดับ 5 ฮ่องกง 1.28 ล้านคน // ด้านคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นรวม 618,300 คน มากเป็นอันดับ 6

ขณะที่ย้อนไปในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นอยู่ที่เกือบ 25.07 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่าเมื่อเทียบเป็นรายปี สะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤตโควิดระหว่างปี 2563-2565 และตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 32 ล้านคน เมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนวิกฤตโควิด 

โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเยือนญี่ปุ่นมากสุดมาจากเกาหลีใต้ อยู่ที่ 7 ล้านคน // รองลงมาคือไต้หวัน แตะที่ 4.2 ล้านคน // จีนอยู่ที่ 2.4 ล้านคน // ฮ่องกง 2.1 ล้านคน // และสหรัฐฯ 2 ล้านคน นอกจากนี้ ในปีที่แล้ว มี 8 ประเทศหรือภูมิภาค รวมถึงสหรัฐฯ ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนญี่ปุ่นมากสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับการท่องเที่ยวขาออก ในปี 2566 จำนวนคนญี่ปุ่นที่ท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบรายปี อยู่ที่ 9.62 ล้านคน แต่ยังมีสัดส่วนเพียงไม่ถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับระดับก่อนวิกฤตโควิดเมื่อปี 2562 

ปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทะลักเข้าญี่ปุ่น และการที่ชาวญี่ปุ่นออกไปเที่ยวนอกบ้านลดลง มาจากการอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเยน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เงินเยนอ่อนค่าลงมากกว่า 1 ใน 3 เคลื่อนไหวอยู่แถว 151 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งทะลุ 150 เยน ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่อาจทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เข้าแทรกแซงค่าเงิน เทียบกับเมื่อปี 2562 ที่ขณะนั้นเงินเยนเคลื่อนไหวแถว 110 เยนต่อดอลลาร์

ขณะที่ในปีนี้ เงินเยนอ่อนค่าหนัก ขยับไปแตะที่ 160.82 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน อ่อนค่าสุดทำสถิติใหม่แทนที่ 160.03 เยน เมื่อวันที่ 29 เมษายน ถือเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 38 ปี นับตั้งแต่ปี 2529 ซึ่งเป็นผลจากการที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ห่างกันมาก ทำให้เงินเยนตกเป็นเป้าหมายของนักลงทุนในการทำ “แคร์รี เทรด” (carry trade) หรือกู้เงินเยนดอกเบี้ยถูกไปทำกำไรในสินทรัพย์อื่นที่ผลตอบแทนสูงกว่า // ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5.25-5.50 ส่วนอัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นอยู่ที่ร้อยละ 0.25 หลังปรับขึ้นมา 2 รอบในปีนี้ ยุตินโยบายดอกเบี้ยติดลบที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2559 

อย่างไรก็ตาม หลังธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบ 2 ในวันที่ 31 กรกฎาคม เงินเยนเริ่มแข็งค่าขึ้นมาเคลื่อนไหวที่กว่า 140 เยนต่อดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่กลางเดือนมกราคมปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่นส่งสัญญาณอาจขยับขึ้นดอกเบี้ยอีก ในขณะที่ข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐฯ อ่อนแอลง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประกอบกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 

แม้การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นจะขยายตัวอย่างมาก โดยเมื่อพิจารณาจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่แตะ 17.78 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีแนวโน้มที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทำสถิติใหม่ที่ 33 ล้านคน แซงหน้า 32 ล้านคนที่เคยทำไว้ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด แต่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวไว้สูงกว่านั้น โดยนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ต้องการบรรลุเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 60 ล้านคน ภายในปี 2573 และเพิ่มการใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยวแตะระดับ 15 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากระดับในปัจจุบัน

แม้จำนวนนักท่องเที่ยวในญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนมีคำถามถึงปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง แต่ “เจแปน ไทม์ส” รายงานสถิติที่ระบุว่า จากจำนวนประชากรญี่ปุ่นทั้งหมด 125 ล้านคน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 25 ล้านคน เท่ากับมีอัตรานักท่องเที่ยวต่อประชากรอยู่ที่ 0.2 ต่ำกว่าเมื่อปี 2562 ที่อยู่ที่ 0.25 ในขณะที่เมื่อเทียบกับ “ฝรั่งเศส” ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยว 100 ล้านคนต่อปี มีอัตราความหนาแน่นของนักท่องเที่ยวต่อประชากรอยู่ที่ 1.5 // กรีซ อยู่ที่ 3.4 // โปรตุเกส 2.5 // และสเปน 1.8 หากเทียบเกณฑ์ของยุโรปดังกล่าว ก็หมายความว่าญี่ปุ่นยังสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อีก 100 ล้านคนต่อปี

ที่มา TNN