TNN แนะ 3 ธีมเด่นน่าลงทุน หลังแบล็กมันเดย์ผ่านพ้น

TNN

รายการ TNN

แนะ 3 ธีมเด่นน่าลงทุน หลังแบล็กมันเดย์ผ่านพ้น

แม้จะผ่านพ้นช่วงแบล็กมันเดย์ (Black Monday) ที่มีแรงเทขายหุ้นโลกออกมาอย่างหนักเมื่อจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2567 แต่เมื่อฝุ่นหายตลบจังหวะนี้จึงถูกมองว่าเป็นโอกาสลงทุนที่หายากใน 3 ธีม

นายณัฏฐะ มหัทธนา, CFA ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุการแบล็กมันเดย์มองเป็นโอกาสการลงทุนในหลายสินทรัพย์ หลังดัชนีความผันผวน (VIX Index) ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการลงทุนใน 3 ธีมที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นจังหวะที่เพราะได้ราคาถูก แถมมีความเสี่ยงที่ต่ำ เพราะนโยบายการเงินน่าจะไปได้ ดอกเบี้ยกำลังจะปรับลดลง จึงเป็นโอกาสดีสำหรับการเข้าลงทุน 


โดยตลาดหุ้นใน 3 ธีมที่น่าลงทุนในจังหวะนี้ คือ 1) ตลาดหุ้นญี่ปุ่น  ซึ่งมาที่ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่น่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก หลังขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคลียร์แล้ว นอกจากนี้ วันที่ 23 ส.ค.นี้ นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ก็ถูกการซักฟอกในสภาฯ ด้วย ทำให้ความเสี่ยงรอบด้านลดลง โอกาสที่ดอกเบี้ยไม่ขึ้นต่อน่าจะทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นไปได้ไกล จึงเป็นตลาดที่น่าลงทุนในระยะยาว ซึ่งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าจะได้ประโยชน์จาก corporate governance reform ที่จะเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ครั้งนี้ด้วย 


2) หากมองเหตุการณ์แบล็กมันเดย์ที่เกิดกับธนาคารกลางญี่ปุ่นเชื่อว่าจะกระทบชิ่งไปถึงธนาคารกลางหลักแห่งอื่นด้วย อย่าง ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยิ่งเมื่อดัชนีความผันผวน (VIX Index) ปรับลดลง และในระยะถัดไปเฟดน่าจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลงแบบปกติร้อยละ 0.25 ต่อครั้งน่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย.ปีนี้ เช่นเดียวกับ ECB ที่น่าจะลดดอกเบี้ยต่อได้ไม่ยาก รวมไปถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่จะส่งผลดีต่อสินทรัพย์ที่ไม่ต้องจ่าย งบกระแสเงินสด (Cash Flow) ออกมา อย่าง ทองคำ และบิทคอยน์ ซึ่งทองคำขึ้นมาแล้ว จากความเสี่ยงความขัดแย้งในตะวันออกกลางมาช่วยหนุนด้วย ขณะที่ บิทคอยน์ แม้จะเป็นตลาดที่เล็กและราคาบิดเบือนได้ แต่ดอกเบี้ยที่จะลดลงจัหนุนให้ราคาบิทคอยน์ปรับขึ้นได้ รวมไปถึงหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม บิทคอยน์ และบล็อกเชน


และ 3) ตลาดหุ้นจีน ที่น่าจะฟื้นตัวได้หลังจากนี้ หลังตลาดหุ้นจีนชะลอมาประมาณ 3 ปีครึ่งแล้ว ซึ่งมาถึงตรงนี้ปัจจัยที่ตลาดรอคอย คือ เฟดลดดอกเบี้ย และนโยบายเศรษฐกิจจีนมาได้ถูกทางทั้งการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรัฐบาลจีนก็ยืนยันว่าจะดำเนินการเพิ่มเติม และสัญญาณก็เริ่มดีขึ้นจากยอดนำเข้าและส่งออก และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งตลาดอาจรอดัชนียอดค้าปลีก (Retail Sales) อีกตัวที่ตัวเลขจะรายงานวันที่ 15 ส.ค.นี้ หากออกมาดีอาจจะคิกออฟการปรับขึ้นของหุ้นจีน 


ส่วนประเด็นเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐที่กังวลว่าจะกระทบจีนไม่ว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐก็คงกระทบจีนอยู่ดี แต่การฟื้นตัวของจีนจะขึ้นจากวัฏจักรที่ยาวนาน สะท้อนว่าราคาหุ้นยังโตได้ และนักลงทุนสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาที่ดีจากการเตรียมกระตุ้นความต้องการซื้อของผู้บริโภคในระยะถัดไป 


ดังนั้น ในการจัดพอร์ตการลงทุนจึงแนะนำให้ทยอยสะสมใน 3 ธีมนี้ เพื่อโอกาสสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะถัดไป 

ข่าวแนะนำ