อุตฯหุ่นยนต์เยอรมนีผวาภัยคุกคามเอไอจากจีน
ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากำลังจะมีการใช้ หุ่นยนต์ช่วยในกระบวนการผลิต นำร่องโดยเทสลา ของ "อีลอน มัสก์"รวมไปถึง BMW ขณะที่ผู้ประกอบการในเยอรมนีรู้สึกถึงภัยคุกคามจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จากจีน
จากภาพยนตร์สู่ความจริงเมื่ออีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา เปิดเผยแผนการใช้งานหุ่นยนต์ “Optimus” ในโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท โดยคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ในปี 2567 และจะเพิ่มการผลิตเพื่อจำหน่ายให้บริษัทภายนอกในปี 2569 โดย มัสก์ระบุผ่านทวิตเตอร์ (X) ว่า เทสลาจะเริ่มใช้หุ่นยนต์ Optimus จำนวนหนึ่งดำเนินงานภายในบริษัทในปีหน้า แม้ว่าจะล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะพร้อมใช้งานภายในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม มัสก์ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดหน้าที่ของหุ่นยนต์ในโรงงาน
เหตุผลสำคัญที่มัสก์พยายามนำ Optimus เข้ามาใช้ในโรงงาน ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการลดต้นทุนเนื่องจากตั้งแต่ต้นปี ยอดขายของเทสลาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และผลกำไรลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง จาก 2.7 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดือนมิถุนายน โดยหุ่นยนต์ Optimus ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานที่อันตราย ซ้ำซาก หรือน่าเบื่อ แทนมนุษย์ในสายการผลิต โดยไม่จำเป็นต้องพัก กิน หรือนอน มัสก์คิดว่าอาจช่วยลดต้นทุนการผลิตของบริษัทได้ในระยะยาว
มัสก์เคยคาดการณ์ว่า เทสลาจะสามารถผลิตหุ่นยนต์จำนวนมากในราคาต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ต่อตัวสำหรับลูกค้าทั่วไป และมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ Optimus ให้สามารถใช้งานในบ้านเรือนเป็นเพื่อน แม่บ้าน หรือพี่เลี้ยงเด็กได้ในอนาคต
นอกจากเทสลาแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกกำลังนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้เช่นกัน เมื่อเร็วๆ นี้ BMW ได้ร่วมมือกับบริษัทหุ่นยนต์ Figure เพื่อทำให้โรงงานเป็นระบบอัตโนมัติ โดยใช้อัลกอริทึมโครงข่ายประสาทเทียมเพื่อช่วยในการจดจำ และจัดการวัตถุ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเทคโนโลยี AI ยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia และ OpenAI ที่ได้ร่วมระดมทุนให้กับ Figure ด้วย
ขณะที่นายแฟรงก์ คอนราด หัวหน้าแผนกหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของสมาคมอุตสาหกรรมวิศวกรรมเครื่องกลแห่งเยอรมัน (VDMA)ออกมาระบุว่า อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของเยอรมนีกำลังเผชิญกับความท้าทายจากจีน ซึ่งซ้ำเติมตลาดหุ่นยนต์เยอรมนีที่ซบเซาอยู่แล้วเนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศไม่สู้ดีนัก
ขณะนี้เรียกได้ว่าการแข่งขันดุเดือดมาก บริษัทจำนวนมากจากจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศของตนเอง และตอนนี้ก็รุกเข้าสู่ตลาดยุโรปแล้ว
ประเทศเยอรมนีถือว่ามีชื่อเสียงในด้านวิศวกรรมและเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีมากมาย กำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาอันเนื่องมาจากราคาพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้พบว่าคำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัตของเยอรมนี โดยคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 21% ในช่วงเดือนม.ค.-เม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่คำสั่งซื้อในประเทศลดลง 15% ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ VDMA ได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายของอุตสาหกรรมลงครึ่งหนึ่งจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ โดยตอนนี้คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 2% หรือ 1.65 หมื่นล้านยูโร (1.77 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2567 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับของปีที่แล้ว
ข่าวแนะนำ