คลังติดตาม "Temu" อีคอมเมิร์ซจีน เข้าระบบภาษี l การตลาดเงินล้าน
กระทรวงการคลัง สั่งกรมสรรพากร ดึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน "TEMU" เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างถูกต้อง
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กรณี "TEMU" แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากจีนเข้ามาเปิดตัวทำตลาดในไทยอย่างเป็นทางการว่า มอบหมายให้กรมสรรพากรไปศึกษาในรายละเอียดเรื่องการดึงแพลตฟอร์ม TEMU เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับทางแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อให้เข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง
ปัจจุบันการค้าขายผ่านแพลตฟอร์ม ขณะนี้ใช้กลไกของกรมศุลกากร เก็บ VAT สินค้านำเข้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท และในอนาคตทางแพลตฟอร์มก็ต้องพัฒนาระบบ เพื่อมาเชื่อมต่อกับระบบจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร และ TEMU เองก็เป็นหนึ่งในนี้ด้วย ส่วนแพลตฟอร์มอื่น ๆ ก็ได้ประสานไปหมดแล้วเช่นกัน คาดว่าต้นปี 2568 ก็จะเรียบร้อยหลังจากนั้นจะหยุดดำเนินการผ่านกรมศุลกากร และดำเนินการผ่านกรมสรรพากร
ก่อนหน้านี้ คุณ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์โซลูชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ ให้ความเห็นถึงความน่ากังวลว่า การเข้ามาของ "Temu" จะไม่เหมือนกับการมาของ มาร์เก็ตเพลส หรือผู้ให้บริการเจ้าอื่น ๆ เพราะว่า สินค้า ที่จำหน่ายอยู่บนแพลตฟอร์ม จะเป็นสินค้า ส่งตรงจากโรงงานที่จีนทั้ง 100% โดย ไม่มีสินค้าไทย และไม่มีร้านค้าคนไทย
นอกจากนี้ ยังไม่มีการจัดตั้งบริษัทในไทย และไม่อยู่ในระบบกฎหมายไทย จึงจะไม่มีการเสียภาษีให้กับประเทศไทย ดังนั้น เมื่อคนไทยซื้อสินค้าผ่าน "Temu" แล้ว เม็ดเงินการสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจะถูกดึงออกจากระบบเศรษฐกิจของไทย ไปที่ประเทศจีนโดยตรงทันที ซึ่งผู้ประกอบการทุกราย ไม่ว่าจะเล็ก กลาง หรือ ใหญ่ ต่างจะได้รับผลกระทบทั้งหมด และ ยิ่งมาพร้อมกับโปรโมชัน การลดราคา ส่งฟรี เมื่อผู้บริโภคเห็นว่าซื้อแล้วคุ้ม จึงถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก และในระยะยาว จะลุกลาม กลายเป็นปัญหาสะสม ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปัจจุบัน "Temu" มีอยู่ใน 47 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง ประเทศไทย เป็นประเทศที่ 3 ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อจาก ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย ที่เปิดตัวไปก่อน เมื่อเดือนสิงหาคม และเดือน กันยายน ปีที่แล้ว
ข่าวแนะนำ