TNN อสังหาฯ ซบเซา "NocNoc" หันเจาะกลุ่มบ้านเช่า I การตลาดเงินล้าน

TNN

รายการ TNN

อสังหาฯ ซบเซา "NocNoc" หันเจาะกลุ่มบ้านเช่า I การตลาดเงินล้าน

ครึ่งปีแรกตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา แต่ยอดขายสินค้าสำหรับบ้านและไลฟ์สไตล์ ช่องทางออนไลน์ยังเติบโตดี NocNoc ตั้งเป้ายอดขาย 6,500 ล้านบาท

ภาพรวมของตลาดในช่วงครึ่งปีแรก ที่ผ่านมา คุณ อนุพงศ์ ทะสดวก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าและพาณิชย์ บริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด หรือ NocNoc ให้ข้อมูลว่า ตลาดรวมสินค้า Home & Living ในช่องทางออนไลน์ในประเทศ เติบโตขึ้นประมาณร้อยละ 8 สาเหตุที่ยังเติบโต มาจากกลุ่มตลาดบ้านเช่า และบ้านรีโนเวท ที่เติบโตขึ้นมาก สวนทางตลาดบ้านใหม่ ซึ่งมีอัตราการซื้อลดลง นั่นส่งผลให้ยอดขายบนแพลตฟอร์ม NocNoc เองมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดย NocNoc เป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์ ปัจจุบันมีพันธมิตรร้านค้าอยู่บนแพลตฟอร์ม มากกว่า 6,000 ร้านค้า ทั่วประเทศ และมีสินค้าจำหน่ายกว่า 700,000 เอสเคยู (SKU) 

ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่าตลาดจะยังเติบโตต่อไปได้ ดังนั้น กลยุทธ์หลักของ NocNoc จะมุ่งสู่การทำการตลาดแบบ การสร้างประสบการณ์ที่ดีแบบเฉพาะตัว โดยยึดลูกค้าเป็นหลักในการทำธุรกิจ จากปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มที่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าตามหัวเมืองใหญ่ของไทย ก็มีศักยภาพเช่นเดียวกัน เห็นได้จากการเติบโตของภาคธุรกิจที่ขยายตัวไปยังหัวเมืองต่างๆ ในทุกปี ทำให้เกิดดีมานด์เพิ่มขึ้น

อีกปัจจัยที่จะผลักดันให้เติบโต คือการขยายตลาดออกไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มุ่งขยายตลาดอย่างมีกลยุทธ์ ใน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, ชลบุรี, ภูเก็ต, นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี, สงขลา และ ระยอง 

สำหรับ NocNoc เริ่มต้นมาจากการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อการอยู่อาศัย ในปี 2562 ด้วยความเชื่อที่ว่า มาร์เก็ตเพลสเป็นโมเดลที่จะช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบเจอกัน

ปี 2566 ที่ผ่านมา มียอดขายบนแพลตฟอร์ม กว่า 4,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าร้อยละ 100 

ส่วน ปี 2567 วางแผนเดินหน้าทรานสฟอร์มตัวเอง ไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางในเรื่องบ้านและการอยู่อาศัย (Home and Living Destination) อย่างเต็มตัว ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ที่ร้อยละ 40 หรือมีมูลค่า 6,500 ล้านบาท 

และนั่นจะทำให้มียอดขายสะสมบนแพลตฟอร์มระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2562 ถึง 2567 มีมูลค่าอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท



ข่าวแนะนำ